วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โรคติดต่อในแมว ตอน โรคเอดส์แมว

เพื่อน ๆ สมาชิกผู้รักแมวทั้งหลาย พอได้ยินชื่อ โรคเอดส์แมว แล้ว อาจจะตกใจแล้วพาลนึกไปถึงโรคเอดส์ที่เกิดขึ้นในคนขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนน่ะนะคะ

จริง ๆ แล้ว โรคเอดส์แมว (Feline immunodeficiency virus; FIV) ที่ว่านี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส FIV ในกลุ่ม retrovirus ค่ะ ซึ่งเป็นไวรัสตระกูลเดียวกับโรคลูคีเมียในแมว และเป็นไวรัสในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ในคนอีกด้วย


แม้ว่าโรค เอดส์แมว จะเป็นโรคติดต่อระหว่างแมวสู่แมวที่ร้ายแรงและสำคัญอีกโรคหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรคเอดส์แมวนี้เป็นโรคที่ติดต่อมาสู่คนแต่อย่างใดนะคะ การติดต่อของโรคนี้มักเกิดขึ้นผ่านการสัมผัสเลือดหรือน้ำลายของแมวป่วย ดังนั้น จึงมักจะพบได้ว่า แมวที่เป็นโรคนี้มักเป็นแมวที่เลี้ยงในระบบเปิดหรือเป็นแมวที่เลี้ยงไว้หลายตัวภายในบ้าน อีกทั้งเป็นแมวที่เป็นตัวผู้มากกว่าตัวเมีย และที่สำคัญมักเป็นแมวที่ไม่ได้ทำหมัน ดังนั้นเมื่อออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน จึงมักจะมีพฤติกรรมกัดกันกับแมวเจ้าถิ่นตัวอื่นเสมอ ๆ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่แมวเราจะติดโรคนี้มาจากนอกบ้าน นอกจากนี้แล้วโรคเอดส์แมวนี้ยังสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางน้ำนมและน้ำลายค่ะ แม้แต่การผสมพันธุืก็อาจทำให้แมวติดเชื้อนี้ได้ แม้ว่าจะพบไม่บ่อยนัก

อาการของโรคเอดส์แมวนั้น เมื่อแมวติดเชื้อมาแล้ว บางครั้งก็ยังไม่แสดงอาการอยู่นานเป็นปีหรือหลายปีเลยค่ะ หากแมวยังมีภูมิคุ้มกันสูงอยู่ก็ยังพอต้านทานเชื้อโรคแทรกซ้อนได้ แต่หากแมวมีภูมิคุ้มกันต่ำลงเมื่อไหร่ แมวก็จะแสดงอาการจากการติดเชื้อต่าง ๆ ทันที โดยเราสามารถที่จะแบ่งการติดเชื้อตามอาการได้สามระยะด้วยกัน ได้แก่

ระยะแรก หรือระยะฉับพลัน เกิดขึ้นหลังติดเชื้อแล้วในช่วง 2-3 วัน ระยะนี้แมวจะมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต อาจมีอาการท้องเสียหรือโลหิตจางร่วมด้วย

ระยะที่สอง เรียกว่า ระยะแฝง ระยะนี้แมวจะไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็นเด่นชัดเหมือนในระยะแรกค่ะ แต่แมวจะมีเชื้อแฝงอยู่ในร่างกายและสามารถติดต่อไปยังแมวตัวอื่นได้ ซึ่งการป่วยระยะนี้อาจกินเวลานานเป็นปีหรือหลายปีจนกว่าภูมิคุ้มกันของแมวจะลดต่ำลงจนติดเชื้อโรคอื่น ๆ ตามมา

ระยะที่สาม เรียกว่า ระยะเรื้อรัง ระยะนี้เป็นระยะสุดท้ายของแมวค่ะ แมวที่ป่วยจะพบความผิดปกติหลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองโต ขนหยาบ มีไข้เรื้อรัง เบื่ออาหาร เหงือและช่องปากอักเสบ ติดเชื้อที่ผิวหนัง กระเพาะปัสสาวะและทางเดินหายใจ อาจมีอาการทางประสาท ตาอักเสบ และเป็นโรคไต,เนื้องอกร่วมด้วย

การวินิจฉัยและการรักษาแมวที่เป็นโรคเอดส์แมวนั้น ปัจจุบันมีการใช้ชุดตรวจสำเร็จรูปเพื่อหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสค่ะ และ และเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ไม่มียารักษา จึงทำได้เพียงการรักษาตามอาการและพยายามส่งเสริมให้แมวมีสุขภาพและภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้แมวเจ็บป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนและมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นน่ะนะคะ

การป้องกันโรคเอดส์แมว วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ก็คือ การนำแมวของเราไปทำวัคซีนค่ะ ซึ่งวัคซีนป้องกันโรคเอดส์แมวนั้น แม้ว่าจะป้องกันได้ไม่เต็ม 100% แต่ก็ช่วยลดโอกาสที่แมวจะติดโรคนี้ได้ถึง 70% วัคซีนนี้มีข้อเสียก็คือมีราคาที่แพงมาก และไม่ครอบคลุมไวรัสทุกสายพันธุ์ ดังนั้นจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนทำการฉีดวัคซีนตัวนี้

ส่วนวิธีที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งในการป้องกันแมวของเราเป็นโรคเอดส์แมว ก็คือการเลี้ยงแมวในระบบปิดค่ะ เนื่องจากจะเป็นการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อมาจากนอกบ้าน รักษาสุขอนามัยของที่อยู่แมวให้ดี และพาแมวไปพบสัตวแพทย์เืพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำตามนัด ก็จะช่วยให้น้องแมวของเรามีอายุยืนยาวปราศจากโรคเอดส์แมวและโรคต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้นน่ะนะคะ





เรียบเรียงข้อมูลจาก catinlove.com
ภาพประกอบจาก catster.com/lifestyle/cat-health-9-facts-feline-chronic-kidney-disease