วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การติดสัดในแมวเพศเมีย


สัตว์เลี้ยงแสนรักของคนเราที่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง ก็เห็นจะมีอยู่สองประเภทใหญ่ ๆ ก็คือ เจ้าน้องหมากับน้องแมวนี่แหละฮ่ะ ซึ่งสัตว์ทั้งสองประเภทนี้ เมื่อโตและย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว ก็จะมีระยะเวลาที่เราเรียกกันว่า อาการ "ติดสัด" ซึ่งเป็นอาการที่บ่งบอกว่า หมาแมวของเราพร้อมผสมพันธุ์ พร้อมให้กำเนิดตูบน้อยมิ้วน้อย ซึ่งหากใครไม่อยากได้สมาชิกภายในครอบครัวเพิ่ม ก็คงต้องคิดอ่านหาวิธีคุมกำเนิดกันไป ไม่ว่าจะเป็นการฉีดยาคุมกำเนิดให้ หรือพาไปทำหมันถาวร ซึ่งก่อนจะไปถึงขั้นนั้น วันนี้อิชั้นจะนำข้อมูลของการติดสัดในน้องแมวมาฝากกันสักเล็กน้อยนะคะ


เมื่อหลายวันก่อนนั้น อิชั้นได้เล่าไปแล้ว ถึงเรื่องที่ยัยโกกิเริ่มโตเป็นสาว และมีอาการติดสัดครั้งแรกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นร้องหง่าวหาคู่เกือบตลอดเวลา กินเก่งขึ้น อ้อนเก่งขึ้น ชอบเอาตัวไปถูไถพื้นหรือแม้แต่อ้อนอิชั้น พอเกาสะโพกให้ก็ยกตรูดเบี่ยงหางพร้อมเหมือนแมวที่ต้องการการผสมพันธุ์ทั่วไป ซึ่งวันนี้เราจะมาดูระยะเวลาของการติดสัดแต่ละรอบของเจ้าเหมียวของเรากันนะคะ โดยเราจะเริ่มจากการติดสัดในแมวตัวเมียกันก่อนเลย อ่ะ..เรามาดูวงจรการเป็นสัดของแมวตัวเมียกันค่ะ

วงจรการเป็นสัดของแมวตัวเมียในแต่ละรอบนั้น แบ่งคร่าว ๆ ได้ดังนี้

1. ระยะ Proestrous ระยะนี้จะกินเวลาประมาณ 1-2 วันฮ่ะ ซึ่งระยะนี้แมวจะมีอาการของการติดสัดเบื้องต้น คือมีอาการร้องหง่าวเสียงดัง ถูไถตัวตามพื้นหรือที่ต่าง ๆ เมื่อเวลาเราเกาก้นก็จะยกสะัโพกให้ ซึ่งระยะนี้แมวตัวเมียจะยังไม่ให้แมวตัวผู้ผสมพันธุ์นะคะ

2. Estrous ระยะการเป็นสัดอย่างแท้จริง ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 6-7 วันค่ะ ระยะนี้แมวตัวเมียก็จะยอมให้ผสมพันธุ์แล้ว ซึ่งหากได้รับการผสมพันธุ์จากตัวผู้ โอกา่สที่แมวตัวเมียจะท้องก็มีสูงมากทีเดียวค่ะ

3. Diestrous ระยะนี้เราเรียกกันว่า ระยะไข่ตกฮ่ะ ซึ่งจริง ๆ ระยะนี้หากแมวได้รับการผสมพันธุ์แล้วท้องก็จะกินเวลาประมาณ 60 วัน แต่หากไม่ได้ืืท้อง ก็จะกินเวลาเพียง 35-40 วัน

4. Interestrous ช่วงนี้เราเรียกว่าเป็นระยะไข่ไม่ตกฮ่ะ ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 3-16 วัน จากนั้นแมวก็จะเข้าสู่สภาวะการติดสัดอีกรอบ

5. Anestrous เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ เราจะเรีียกว่า ระยะพักตัวของระบบสืบพันธุ์ฮ่ะ โดยจะกินเวลาประมาณ 5-10 วันในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศเหมาะสม (อากาศอบอุ่น,แสงเพียงพอ) แต่หากเป็นเมืองนอกที่มีภุมิอากาศแบบหนาวเย็น ไม่คอ่ยมีแสงแดด ก็อาจกินเวลาหลายเดือนก็ได้

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงเกิดอาการ "ยืนงงในดงแมว" 555+ เอาเป็นว่าสรุปให้ฟังสั้น ๆ พอเข้าใจนิดนึงก็ละกันเนอะ นั่นก็คือ หากแมวตัวเมียของเราเกิดอาการหง่าวแล้วไม่ได้ผสมพันธุ์ อาการหง่าวนั้นก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก สั้นที่สุดคือ 3 วัน ยาวที่สุดก็คือหลายเดือน

หากแมวตัวเมียของเราหง่าวแล้วโดนผสม แล้วเกิดอาการตั้งท้อง คลอดลูก แมวตัวเมียก็สามารถกลับมาหง่าวได้อีกภายใน 3 วัน หรือหลายเดือน (ฮ่วย)

หรือกรณีแมวตัวเมียของเราหง่าวแล้วโดนผสมแต่ไม่ท้อง ก็สามารถกลับมาติดสัดได้อีกภายใน 1-2 เดือน หรืออาจจะหลายเดือน

ดังนั้นหากเราไม่ต้องการลูกแมวตัวเล็ก ๆ เอาไว้เลี้ยงดูฟูมฟัก หรือไม่ต้องการเพิ่มจำนวนสมาชิกเหมียว ๆ ภายในบ้านก็ควรพาน้องแมวไปทำหมันซะนะคะ ซึ่งข้อนี้อิชั้นซาบซึ้งดีฮ่ะ.. T^T แล้วก็กำลังรอให้ยัยโกกิหายหง่าวซะก่อนถึงจะพาไป

ก็หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับคนรักแมวบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ




เรียบเรีัยงข้อมูลจาก rakmaw.com



วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โกกิเป็นสาวแย้ว


เมื่อสองสามวันก่อนยัยโกกิมีท่าทางแปลก ๆ ฮ่ะ

พออิชั้นอุ้มออกมาจากกรงในช่วงบ่ายเพื่อให้ออกมาวิ่งเล่น กินขนม กินอาหารเปียกตามปกติเหมือนทุกวัน แทนที่จะวิ่งลั้นลาไม่ใส่ใจอิ่เจ๊เหมือนทุึกครั้ง โกกิกลับคอยแต่จะมานัวเนียไถมาถูไปอิชั้นอยู่นั่นล่ะ เล่นเอาตอนแรกอิ่เจ๊มันนึกปลาบปลื้มใจสุด ๆ เพราะนึกว่า ในที่สุดก็มีวันที่ยัยโกกิรักเก๊าแย้ววว..


แต่พอสังเกตุดูดี ๆ แล้ว สาเหตุของความรักอิ่เจ๊แบบฉุด ๆ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นสินะคะ เพราะพอผ่านไปสัก 10 นาที อิชั้นก็เริ่มแปลกใจ เฮ้ย..มันอ้อนเกินไปรึเปล่าฟระ แถมพออิชั้นลูบหัวลูบหาง เกาคางเกาตรูดให้ มันก็แอ่นหลังหางชี้ ยกก้นกระดกแล้วร้องแง๊วง๊าวติดต่อกันไม่หยุดซะงั้น


อาการแบบนี้อิเจ๊มันเดาได้สถานเดียวฮ่ะ...โกกิเป็นสาวละ และตอนนี้ก็ออกอาการติดสัดพร้อมผสมพันธุ์รอบแรกอย่างเต็มที่ (โฮ้ววว..)

ระหว่างยัยโกกิพลุ่งพล่าน อิชั้นก็ลองมานั่งนับนิ้วดูฮ่ะ..ถ้านับกันดูจริง ๆ เดือนนี้โกกิก็มีอายุย่างเข้าเดือนที่ 7 ละ ซึ่งจากข้อมูลที่คุ้ย ๆ ดู ว่ากันว่าแมวทั้งตัวผู้และตัวเมียนั้น จะเริ่มติดสัดหรือมีอาการอยากผสมพันธุ์ครั้งแรกในช่วงอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 10 เดือน แต่ก็มีมั่งเหมือนกันที่เริ่มติดสัดตั้งแต่อายุราว ๆ 4 เดือน ซึ่งจะเป็นเร็วเป็นช้า เป็นบ่อยหรือไม่บ่อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพแสงแดดอ่ะนะคะ คือถ้าพื้นที่ที่แมวอยู่อาศัยมีแสงมากหรือมีแสงตลอดปีอย่างเช่นแมวเมืองไทยนั้นก็จะมีรอบของการติดสัดบ่อย แต่ถ้าพื้นที่ที่แมวอยู่มีแสงน้อย หรือเป็นพื้นที่ที่มีภูมิอากาศหนาวเย็นแต่ละรอบที่แมวติดสัดก็จะทิ้งระยะเวลานาน เรียกว่าแมวจะมีอาการติดสัดบ่อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพฤดูกาลและภูมิอากาศนั่นเอง


วกกลับมาที่ยัยกิกันต่อ อาการติดสัดของยัยโกกิก็เหมือนกับแมวตัวเมียทั่ว ๆ ไปนั่นล่ะค่ะ นั่นก็คือมันจะวุ่นวายกับการไถตัวเถือกกลิ้่งไปมากับพื้น ถูไถเหล่าบรรดาเจ้าของหรือคนเลี้ยง ร้องแง๊วง๊าวหาคู่ไม่หยุด ชอบให้่ลูบหัวลูบตัวให้ ยิ่งถ้าเกาหรือลูบบริเวณสะโพก มันจะแอ่นตัวโก่งตรูดแล้วเบี่ยงหางพร้อมให้ผสมทันที ซึ่งอาการเหล่านี้ โกกิมีครบถ้วนบริบูรณ์ฮ่ะ เล่นเอาอิ่เจ๊มันอดสงสานไม่ได้ แต่ก็นั่นล่ะนะ มันเป็นธรรมชาติของมันอ่ะ ถ้าอยากจะให้มันไม่มีอาการติดสัดแบบนี้ ก็คงต้องพาไปทำหมันล่ะ แต่จะทำหมันตอนนี้เลยได้หรือไม่ เราจะมาดูข้อมูลเพิ่มเติมกันในตอนหน้านะคะ >0<




เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai










วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หนาวจุงเบย..


ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ อากาศแถวบ้านอิชั้นรวมไปถึงอีกหลาย ๆ พื้นที่ในประเทศเย็นลงอย่างฉับพลันมากฮ่ะ อุณหภูมิช่วงเช้าถึงดึกต่ำสุดอยู่ระหว่าง 12-13 องศาเซลเซียส ลมหนาวพัดแรว๊ง หมอกกระจายอยู่ตามยอดหญ้าทุกพื้นที่ ซึ่งก็นะอากาศแบบนี้เป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะคนสละโสดไม่หยุดไม่หย่อน (กะ...เกี่ยวรึ??) T^T

สำหรับสองแสบเอง ด้วยความที่กรงใหญ่ถูกตั้งอยู่ใต้ถุนตึก ซึ่งเป็นสถานที่โปร่งโล่งพอสมควร คือจะมีลมพัดแรงผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลาทำให้อิชั้นค่อนข้างเป็นห่วงนิดนึง ซึ่งก็นะ ทางเลือกเท่าที่จะทำได้ก็คือพยามปรับสภาพกรงให้มีความอบอุ่นสำหรับสองแสบให้มากที่สุด


วิธีแรกที่อิชั้นงัดเอามาใช้ก็คือการจับสองแสบใส่เสื้อฮ่ะ..วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมากกับยัยกะทิ เพราะเสื้ออุ่น ๆ ที่ซื้อมาให้ใส่ปั๊บ ตัวกลมปุ๊บ(ได้ข่าวว่ากลมมาก่อนหน้านี้แล้วนะ) แถมติดพุงแหง็ก เรียกว่าต่อให้เอาปากกัดเอาตรีนจิก มันก็ไม่สามารถจะถอดเสื้อออกเองได้ แต่ก็นั่นล่ะ วิธีการใส่เสื้อให้พวกแมวแสบพวกนี้ใช้ไม่ได้กับยัยโกกิอ่ะนะคะ เพราะพออิชั้นใส่เสื้อให้มันคราวใด พอเช้ามาลองไปดูสิ ก็เห็นไอ้กิมันถอดเสื้อ ปีนกรงลั้นลาได้ทุกวัน (ขั้นเทพเรื่องถอดเสื้อแล้วแกร)


อย่ากระนั้นเลย ในเมื่อใส่เสื้อให้แล้ว ก็ยังวางใจไม่ได้ว่าสองแสบจะอุ่น วิธีัที่เอามาเสริมวิธีถัดมาก็คือการพยายามป้องกันลมหนาวพัดเข้ากรงให้่มากที่สุด..งานนี้อิชั้นหยิบเอาฟิวเจอร์บอร์ดที่น้อง ๆ ที่ตึกซื้อมาทำกิจกรรมอะไรก็ไม่รู้ แล้วทิ้งไว้ในห้องน้ำของออฟฟิศมาเป็นชาติมาเป็นเครื่องมือ แค่เอามาบุรอบกรงไว้ก็ช่วยกรองลมหนาวที่พัดตึง ๆ ได้แล้วถึง....อีกหนึ่งระดับ (แค่นจะทำเป็นมาคุย >.<)


วิธีที่สามก็คือ การเพิ่มถ้ำหรืออุโมงค์หลบความหนาวเย็นของสองแสบฮ่ะ จริง ๆ แล้วภายในกรงนั้น แต่เดิมอิชั้นใส่กล่องพลาสติกที่เจาะรูไว้ให้เด็ก ๆ ได้เข้าไปนอนกันไว้กล่องนึงละ และไอ้กล่องนี้ก็มีผ้าเช็ดตัวเก่าปูไว้กันหนาวเย็น แต่เนื่องจากตัวกล่องมันเป็นพลาสติก อิชั้นก็เลยคิดว่ามันก็คงจะดูดความเย็นไว้พอตัวอ่ะ อย่ากระนั้นเลย เนื่องจากอิชั้นมีกล่องผ้าที่บุฟองน้ำนุ่ม ๆ อันเก่าอยู่กล่องนึง (ก็ของยัยกะทินั่นล่ะ) เอามาใส่กรงเสริมให้ดีกว่า...พอใส่ปั๊บได้ผลทันตาฮ่ะ เพราะสองแสบชอบกันมาก มุดเข้ามุดออกเล่นกันทั้งวัน


อ่ะ..มาดูประมวลภาพสองแสบสู้ภัยหนาวที่เก็บมาฝากกันพอชื่น ๆ ใจนะคะ


♥♥♥


♥♥♥


 ♥♥♥


แล้วกลับมาพบกับสองแสบได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ ♥♥


เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai


วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

มาส่องสองแสบใช้เครื่องให้น้ำอัตโนมัติกัน (น้ำพุแมว-น้ำล้นแมว)


เมื่อวานเขียนไดอารี่แบบบ่น ๆ ไป ว่าดูเหมือนยัยกะทิจะไม่ค่อยไว้ใจไอ้เครื่องทำน้ำรินน้ำล้นที่เพิ่งซื้อมาบำรุงบำเรอเจ้าหล่อนซะเท่าไหร่ เรียกว่าเดินเฉียดมาเฉียดไป แวะดมสักจึ้กสองจึ้กแล้วก็เมินหน้าหนีเหมือนดมโถขรี้ซะงั้น T^T

อิ่เจ๊มันเริ่มท้อใจฮ่ะที่ แม้ว่าจะใจชื้นอยู่เล็กน้อย ที่เห็นยัยโกกิก็ยังแวะเวียนมากินน้ำในถ้วยนี้เป็นบ้าเป็นหลังแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นฮ่ะ

มันเริ่มตั้งแต่ตอนอิชั้นให้อาหารเปียกคุณเธอทั้งสองตัวเสร็จนั่นแหละฮ่ะ พอกินเสร็จน้องเสมียนที่ออฟฟิศก็อุ้มยัยแสบใหญ่ขึ้นไปบนเคาเตอร์ที่อิชั้นเสียบปลั๊กเครื่องให้น้ำไว้แล้วก็บอกว่า..

"เอ้า..ทิ กินน้ำสิ"

หุ้ย..ไม่รู้คุณเธอจะฟังรู้เรื่องหรือยังไงก็ไม่รุ เพราะจู่ ๆ เธอก็เอาหัวจุ่มลงไปในถ้วยน้ำริน แล้วก็เริ่มเลียน้ำแพร่บ ๆ

โฮ้ววว..นาทีนั้นอิ่เจ๊มันปลาบปลื้มมากฮ้าาา... 5555+ เรามาดูประมวลภาพการใช้เครื่องให้น้ำอัตโนมัติของสองแสบกันนะคะ


ไหนดูสิ..ว่าน้ำในไอ้ถ้วยไฮโซนี่มันจิ่อร่อยมั้ย


 อ๊ะ..รสชาดใช้ได้นี่..เย็นเจี๊ยบชื่นใจ แพล่บ แพล่บ แพล่บ..


พอเห็นว่าแม่ตัวโตกิน ลูกน้องอิชั้นก็อุ้มยัยกิขึ้นไปให้กินน้ำมั่ง ซึ่งก็นะ โกกิเองก็ได้ชื่อว่าเป็นสิงห์นักดื่มอยู่แล้ว ก็เลยได้ภาพคู่ดูโอ้อิ่ตอนแข่งกันดวดน้ำมาแบบนี้  ^0^/


น้ำมันเย็นสดชื่นดีเนอะพี่ทิ..อาหย่อยก่าน้ำในกรงอีกอ่ะ


เราบอกอิ่เจ๊ให้เอาเข้าไปไว้ในกรงแทนถ้วยน้ำอันเก่าเราดีมะ (อย่าดีฝ่า เจ๊ไม่รู้จะหาที่เสียบปลั๊กไฟตรงไหนอ่ะ >.<)


อ้าว เฮ้ย ๆ เจ๊ให้กินน้ำ ไม่ได้ให้กินหัวกันเอ๊ง..เอ๊..ยัยทินี่ รักน้องไม่เลือกที่เลยแฮะ !! 


สบายใจแล้วฮ่ะอิฮั้น..เพราะบัดนี้ไอ้กิมันกลายเป็นแมวสิงหม้อให้น้ำไปซะแระ..คริ คริ


ก็หวังว่าเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาวิธีกระตุ้นให้น้องแมวของเราดื่มน้ำให้มากขึ้นจะได้ไอเดียในการทำน้ำผุดน้ำริน หรือทำน้ำตกให้พวกเด็ก ๆ ที่บ้านกินน้ำได้เยอะขึ้นบ้างนะคะ

พรุ่งนี้กลับมาดูสองแสบอินเดอะวินเทอร์กันค่ะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai




วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เครื่องให้น้ำแมวอัตโนมัติ (น้ำพุแมว,น้ำล้นแมว) ตอนที่ 2


เมื่อตอนที่แล้ว อิิชั้นหยิบเอาข้อดีของการที่หมาแมวของเรากินน้ำได้อย่างพอเพียงมาฝากกันไปแล้วน่ะนะคะ ซึ่งก็โดยหลัก ๆ แล้ว แมวที่กินน้ำพอเพียงจะลดอัตราเสี่ยงจากการเป็นโรคไตและโรคนิ่วได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่จะทำอย่างไรให้แมวของเราเจริญน้ำ (คล้าย ๆ กับเจริญอาหารอ่ะนะ หุหุ) กันล่ะ นั่นสิ..เง้อ...

หลังจากหาข้อมูลมาพักหนึ่ง เขาก็ว่ากันว่า การจัดหาน้ำพุ น้ำล้น หรือน้ำที่มีลักษณะเคลื่อนไหวมาให้แมวนั้น จะกระตุ้นความสนใจของแมวได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวฮ่ะ คือพวกหมาพวกแมวนี่มันชอบน้ำที่มีการเคลื่อนไหวอ่ะนะ ดังนั้น หากอยากจะทำให้หมาแมวกินน้ำเยอะ ๆ ก็ต้องหาน้ำที่มันมีลักษณะของการเคลื่อนไหวไหลรินมาเสริฟให้มันไว้

หลังจากได้ข้อมูลตามนั้น อิชั้นก็ครุ่นคิดถึงเรื่องน้ำพุ น้ำล้น น้ำริน สำหรับสองแสบเรื่อยมาฮ่ะ ไอ้ครั้นจะซื้อออนไลน์ผ่านเน็ต พินิจดูแล้ว ราคามันก็สูงเกินไปหน่อย แต่ละเครื่อง ๆ แม่มมม..ล่อไปเกือบสองพันอัพ (จะแพงไปไหน ??) อย่ากระนั้นเลย ไหน ๆ ก็ไม่ได้รีบไม่ได้ลนอะไร ก็ค่อย ๆ หาไปเรื่อย ๆ ละกันนิ

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่อิชั้นแวะไปร้านเพ็ทช้อปในเมืองมาฮ่ะ ก็ตั้งใจจะไปซื้ออาหารให้สองแสบแหละ แต่อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดด..ที่นั่นมีเครื่องทำน้ำรินน้ำล้นสำหรับหมาแมวขายด้วยอ่ะ อย่ากระนั้นเลย อิชั้นก็เลยลองให้ทางร้านเค้าเทสต์เครื่องให้ดู

โฮ๊ะ..เจ๋งแฮะ..อุอุ และแล้ว เงินค่าขนมของเดือนนี้ก็ปลิดปลิวไปจากกระเป๋าตังค์อิชั้นโดยปริยาย เอาวะ..เพื่อสองแสบน้องรัก ศรี เอ๊ย..เจ๊ทนได้

หลังจากสอยเครื่องทำน้ำริน-น้ำล้นมาให้สองแสบ พอมาถึงออฟฟิศปั๊บ อิชั้นก็แกะกล่องทันใดฮ่ะ

อ่ะ..มาดูรีวิวฉบับย่นย่อด้วยภาพของอิชั้นกันสักเล็กน้อยนะฮะ


หลังจากแกะกล่องออกมาแล้ว เราก็จะพบกับอุปกรณ์ตามภาพบนฮ่ะ หลัก ๆ ก็คือ มีถ้วยพลาสติกน้ำรินซึ่งแบ่งออกเป็นสองชิิน คือชิ้นล่างสำหรับใส่น้ำ ส่วนชิ้นบนมีลักษณะคล้ายถาดหรือถ้วยที่มีรูตรงกลางให้น้ำไหลลงไปเพื่อรักษาระดับน้ำไม่ให้ล้น ส่วนอีกอันก็คือ สายและหม้อแปลงไฟเอาไว้เสียบให้ปั๊มน้ำตัวเล็กในถ้วยเก็บน้ำทำงาน


อิชั้นเป็นคนเก่งเรื่องเครื่องยนต์กลไกฮ่ะ (เหรอออ.. ??) คือหลังจากเอาน้ำใส่ในถ้วยใบล่าง ซ้อนถ้วยใบบนลงไป แล้วก็เสียบปลั๊ก เครื่องให้น้ำรินก็ทำงานทันที (แลดูซับซ้อนเนอะ กร๊ากกก..)


เสร็จแล้วก็ทดลองฮ่ะ..อิชั้นอุ้มแสบเล็กขึ้นไปลองก่อน โว๊ะ....มันกินเฟร้ย..555+ อิ่เจ๊ไม่เสียตังค์ฟรีแระ เอ้า ๆ กินเข้าไปลูก..555+..เสร็จแล้วก็อุ้มแม่ตัวใหญ่ขึ้นไป ซึ่งแม่กะทิเค้าก็ดม ๆ อ่ะนะคะ แต่สงสัยจะไม่คุ้นกับของใหม่ เพราะแค่ดม ๆ แล้วก็เมินหน้าหนีซะงั้น (ไหงทำงี้อ่ะลูก)

แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ ..ยังไงซะ ยัยโกกิก็ยอมใช้งานตัวนึงแหละ แถมท่าทางจะชอบมากซะด้วย เทียมแวะกินตั้งสองสามรอบ ส่วนยัยกะทิ ก็คงต้องรอดูท่าทีไปอีกสักพัก ก็หวังว่าต่อไปสองแสบก็คงจะขยันกินน้ำมากขึ้นสมใจอิ่เจ๊น่ะนะคะ


ใครที่อยากจะกระตุ้นให้หมาแมวกินน้ำให้มากขึ้น ก็ลองเสาะหาดูค่ะ..อ้อ ลืมบอกราคาไป อิชั้นได้เครื่องนี้มาในราคา 990 บาท แต่ช้าก่อน..ถ้าคุณสั่งซื้อวันนี้ คุณจะได้สองแสบไปสาธิตวิธีการกินน้ำฟรี ๆ สองวัน..555+ ล้อเล่นนะคะ อิชั้นไม่มีขายเน้อ แต่คาดว่าตามร้านเพ็ทช้อปทั่วไปน่าจะมีอ่ะ

แล้วกลับมาพบกับสองแสบได้ในตอนหน้านะคะ

เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai






เครื่องให้น้ำแมวอัตโนมัติ (น้ำพุแมว,น้ำล้นแมว) ตอนที่ 1


ไม่รู้จะตั้งชื่อไดอารี่ตอนนี้ว่ากระไรดี 555+ ปูพรมเลยละกัน นาน ๆ จะอัพเดทชีวิตสองแสบที เข้าเรื่องเลยละกันนิ

จะว่าไปแล้วอิชั้นว่าชีวิตของคนรักแมวโดยทั่ว ๆ ไปแล้วเหมือนกันอยู่อย่างนึงฮ่ะ นั่นก็คือ..อดที่จะมองหาของเล่นของใช้สารพัดอย่างไปบำรุงบำเรอแมวของตัวเองไม่ได้ >.< คือแว่..ทุกครั้งที่อิชั้นแวะเข้าไปซื้ออาหารของสองแสบ มันก็มักจะได้อะไรที่มากกว่าอาหารติดไม้ติดมือกลับมาทุกที

เมื่อวานนี้ก็เหมือนกันฮ่ะ อิชั้นแวะไปร้านเพ็ทช้อปร้านดังร้านนึงในตัวจังหวัด ตั้งใจจะไปซื้อหารเปียกมาให้แม่สองแสบสักโหลนึงแหละ แล้วก็จะมองหาเสื้อกันหนาวอุ่น ๆ มาให้สักสองตัว (ช่้วงนี้อากาศแถวบ้านอิชั้นหนาวเมิ่กก..อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15-16 องศาทุกวันเลย) แต่ผลปรากฎว่าพอเข้าไปแย้ว มันก็อดมองหาของเล่นแปลก ๆ เพิ่มเติมอีกไม่ได้

อิชั้นเดินช้อปปิ้งในร้านด้วยอาการเบลอ ๆ ฮ่ะ อุอุ แล้วก็ออกมาพร้อมถุงช้อปปิ้งถุงใหญ่สองถุง (ชนิดเบลอมากกว่าเดิม) เรามาดูความเสียหายที่เกิดกับกระเป๋าตังค์อิชั้นกันนะคะ T^T


เอ๊ะ..นี่มันอาราย..


555+ ไอ้กล่องนี้มันก็คือ ที่ให้น้ำระบบน้ำรินสำหรับกระตุ้นให้สุนัขและแมว กินน้ำให้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

อ่ะ..ก่อนที่จะไปแกะกล่องเพื่อทำการรีวิว เครื่องให้น้ำระบบน้ำรินของสองแสบ เรามาดูผลดีของการกินน้ำเยอะของน้องหมาน้องแมวก่อน

ข้อดีของการให้หมาแมวกินน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั้นมีหลายประการฮ่ะ หลัก ๆ ก็คือ หมาแมวที่ได้รับน้ำหรือกินน้ำอย่างเพียงพอ จะลดอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคไตและโรคนิ่วลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งไอ้สองโรคนี่แหละที่นอกจากจะทำให้หมาแมวป่วยกายและเจ้าของป่วยทางใจ(อันเนื่องมาจากเห็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองป่วย)แล้ว มันยัึงเป็นโรคที่รักษายากมาก และมีโอกาสจะทำให้แมวเสียชีวิตอีกด้วย คำถามถัดมาก็คือ แล้วที่่ว่าควรให้น้ำแมวกินอย่างพอเพียงนั้น มันประมาณเท่าไหร่ล่ะ? (เออ..นั่นเด่ะ แบบไหนที่เรียกว่าพอเพียงล่ะ)

 คำตอบก็คือ โดยทั่วไป แมวควรจะกินน้ำได้ 2.5 เท่าของปริมาณอาหารแห้งที่กินต่อวันค่ะ อย่างเช่น ถ้าให้แมวกินอาหารแห้ง 2 ปอนด์ ก็ควรกินน้ำให้ได้ 5 ปอนด์ต่อวัน ยกเว้นว่าแมวที่เราเลี้ยงได้รับอาหารเปียกร่วมด้วยน่ะนะคะ ซึ่งในอาหารเปียกนั้นก็จะมีน้ำผสมอยู่บ้าง แมวจึงได้รับน้ำทางอ้อมจากอาหารเปียกด้วยอีกทางหนึ่ง (สองแสบได้กินอาหารเปียกทุกวันตอนบ่ายฮ่ะ ส่วนช่วงเช้าและตลอดทั้งวันจะได้อาหารเม็ดกันอยู่แล้ว)

ทีนี้..ถ้าเกิดแมวเรามันไม่ชอบกินน้ำล่ะ อิชั้นเคยจับสังเกตุดูแระ ว่ายัยกะทินี่กินน้ำน้อยมาก (หรือมันแอบกินอิ่ตอนอิชั้นไม่ได้อยู่ดูฟระ) เอาเป็นว่าอิชั้นอยากส่งเสริมสุขภาพแมว ๆ ของมันด้วยการทำให้มันกินน้ำได้อร่อยขึ้นนั่นล่ะ เราก็ต้องหาวิธีทำให้มันสนใจการกินน้ำมากขึ้น หลังจากหาข้อมูลมาสักพักนึง ก็ค้นพบว่า มีผู้มารีวิวเรื่องการหา น้ำพุ น้ำล้น น้ำผุด มาให้แมวกินน้ำมากขึ้น แล้วหลายคนก็คอนเฟิร์มว่า ได้ผลดีซะด้วย อย่ากระนั้นเลย เสาะหามาให้สองแสบกันบ้างเถอะุ >0<

ยาวเกินซะแหล่ว เดี๋ยวมาต่อกันในตอนหน้านะคะ


เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai






วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อุ่นใจแล้วเมื่อมีเธอกับฉัน


ช่วงนี้แอดมินแทบไม่ได้แตะบล็อกหลักเลยค่ะ 555 มัววุ่นวายอยู่กับไดอารี่ไอ้เจ้าแกงค์ซาละเปาขาวอวบนี่ล่ะ ทำไงได้..ก็เรื่องม้นเยอะ แถมตอนนี้ภาพของไอ้เจ้าสองแสบก็มีบานเต็มมือถือเลย ต้องรีบระบายลงท่อซะหน่อย ไม่งั้นเครื่องมันแลดูจะอืด ๆ >_<"

คนรักแมวหลาย ๆ คนมักจะเคยเป็นโรคแมวงอกฮ่ะ..ก่อนหน้านั้นอิชั้นเคยตั้งใจเอาไว้ว่า เลี้ยงกะทิแค่ตัวเดียวพอละ หลายตัวก็กลัวจะเป็นภาระทางใจให้คอยห่วงกังวลซะเปล่า ๆ แต่แล้วโชคชะตาก็ทำให้ต้องพาเด็กโกกิมาอนุบาลเพิ่มอีกตัวนึง เนื่องจากพี่สาวซึ่งเป็นเจ้าของเก่ายัยกะทิดันเอ่ยปากถามว่า..อยากได้ "หลานยัยกะทิ" มาเลี้ยงเพิ่มอีกสักตัวมะ

โกกิตอนมาถึงช่วง 2-3 วันแรก
ยอมรับตามตรงว่าตอนแรกก็ลังเลฮ่ะ ถึงขนาดตัดสินใจว่าไม่เอาดีกว่า แค่ตัวเดียวก็ไม่รู้จะจัดสรรปันส่วนเวลาในชีวิตอย่างไรละ เพราะก่อนหน้านั้นก็ยุ่งอยู่กับมันนี่ล่ะ ไปถึงออฟฟิศแทนที่จะได้นั่งเซ็นงานสวย ๆ กลับต้องไปนั่งตักอึในกระบะทราย กวาดกรง เปลี่ยนน้ำ ให้อาหาร เอาเบาะมาเคาะไล่ขนแมว แถมมีหน้าที่ให้ความรัก กอด ๆ ฟัด ๆ จุ้บ ๆ แมวให้รู้สึกว่าไม่ถูกทอดทิ้งอีก (คืออันหลังนี่รู้สึกจะเป็นความสุขของอิ่เจ๊มากกว่าของแมวนะ 555)

ช่วงอาทิตย์แรกที่มาอยู่ด้วยกัน ฉายแวว..อิ่เด็กแฉบ..
จำได้ว่าตอนไปรับตัวโกกิมา หลานชายขี่มอเตอร์ไซค์พาไปค่ะ เจ้าของแม่ของยัยโกกิพอรู้ว่ามาเอาลูกแมวก็รีบกระวีกระวาดชี้ให้เลยว่ากรงอยู่ตรงไหน (เข้าใจเนอะ ว่ามีลูกแมวเยอะ ๆ ในบ้านมันก็ภาระเหมือนกัน) พอบอกว่าจะมาเอาแค่ "ตัวเดียว" เจ้าของแม่โกกิก็บอก "เอาไปสองตัวเลย"แหม..ใจดีจัง !!... O_o อิชั้นก็ได้แต่แอบทำหน้าตาตื่น เพราะตั้งใจจะมารับแค่ตัวเดียวเพื่อเอาไปให้พี่สะใภ้ที่อยากได้เท่านั้น

ไอ้ครั้้นจะเอาไม่เอาก็สงสานอ่ะ ทุกตัวอยู่ในกรงขึ้นสนิมที่ตั้งอยู่บนพื้นดินชื้นแฉะ มีจานขยำข้าวกับเศษปลาอยู่ในจานเลอะ ๆ ใบนึง..ที่สุดแล้ว ก็เลยต้องจับแมวขาวสองตัวออกมาจากกรง โดยเป็นตัวผู้ตัวนึง เป็นตัวเมียตัวนึง ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าจะได้เลี้ยงตัวไหน แต่ก็เอามาก่อนแล้วกัน ให้พี่สะใภ้ได้เลือกก่อน

เอามาแล้วก็ใช่ว่าจะเอาเข้าตึกได้ทันทีค่ะ แต่ต้องเอาไปกักกันโรค ทำวัคซีน ฝากหมอดูแลที่คลีนิครักษาสัตว์อยู่ถึงหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ พอกลับมาแล้วพี่สะใภ้ก็มารับแมวเด็กตัวผู้ไป เหลืออิ่โกกิ แมวเด็กตัวเมียที่ทั้งซนทั้งเอ๋อเอาไว้ให้อิช้ั้นดูแล...จริง ๆ มันไม่ควรจะเอ๋อนะ ถ้าไม่เป็นเพราะวันแรกที่เอามาปล่อยไว้ในออฟฟิศ มันดันวิ่งชนกระจกซะจนนั่งงงตาลอยคอโงกเงกซะก่อน (เห็นแล้วทั้งขำท้ั้งสงสาน) กักบริเวณได้แค่ไม่กี่วัน โกกิก็ดันเป็นหวัดรับหน้าฝน ต้องขังแยกป้อนยาไม่ให้ปะปนกับกะทิต่ออีกสองอาทิตย์ ก่อนจะค่อย ๆ พามาเล่นรวมกันในออฟฟิศจนคุ้นเคยกันได้ในที่สุด

โกกิกับโกโก้ ตอนฝากอยู่ที่ร้านหมอ
ตอนนี้กะทิกับโกกิเข้ากันได้ค่อนข้างดีค่ะ..ภาพของกะทิที่นั่งเหงาอยู่ในกรงตัวเดียวที่เคยเห็นจนชินตาหายไปแล้ว เหลือแต่กะทิที่นั่งจ้องคอยหาเรื่องเล่นกันกับโกกิ บางทีก็เลียขนแต่งตัวให้น้องอย่างเพลิดเพลินซะงั้น

เรามาดูภาพกะทิกับโกกิใช้ชีวิตชิล ๆ ยามบ่ายในกรงใหญ่กันนะคะ :)


เฮ่ย...ลืมสังเกต...เผลอแป๊บเดียว โกกิตัวใหญ่ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย >0<


"พี่ทิเล่นไรอ่ะ..."


 กิอยากกิงนมแม่


แต่ได้ข่าวว่า อันนี้มันนิ้วอิ่เจ๊นะ (= =")


 จุ้บ ๆ กัด ๆ ดูด ๆ คิดถึงแม่ป่าวกิ


ตัวบานจนเต็มตะกร้าเล็กใบเดิมของพี่ทิแระ


"นั่นมันนกใช่ป่ะ..พี่ทิ..จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ มานี่ม่ะ จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ"


"พี่ทิ..บอกอิ่เจ๊ให้ปล่อยเก๊าออกไปจับนกที..."


"เจ๊.......เก๊าอยากเล่นกับพี่นก...." (เอร็งง่วงแล้ว ตาปรอยขนาดเน้ นอนเหอะ)


"ปุ้งนี้ได้มะ..." (เออ..นอนก่อนเหอะ << เวอชั่นหลอกเด็ก) เห็นทำท่าแบบนี้แล้ว มันน่าเปิดกรงไปจับมาฟัดพุงอีกรอบเนอะ อิอิ

แล้วกลับมาพบกับกะทิและโกกิได้ใหม่ในตอนหน้านะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai


วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ออฟฟิศจะแตก


หลังจากที่ตัดสินใจเอายัยโกกิแมวเด็กใหม่เข้ามาอยู่เป็นเนื้องอกในชีวิตของยัยกะทิ ก็รู้สึกได้ว่าอิ่หมู่นี้ กะทิเริ่มเปี๋ยนไป๋ขึ้นเรื่อย ๆ ฮ่ะ

แต่ก่อนนั้น ด้วยความที่เป็นแมวหัวเดียวกระเทียมลีบ กะทิจะค่อนข้างขี้อ้อนเอามั่ก ๆ คือถ้าอิชั้นเอามันเข้ามาในออฟฟิศและให้กินอาหารจนอิ่มแล้ว สักพัก เธอก็จะมาวนเวียนคอยนั่งคอยสีคอยสะกิดสะเกาให้รักเธออยู่นั่นล่ะ แถมอิ่ตอนพากลับเข้ากรงก่อนอิชั้นกลับบ้าน ก็มักจะมีแมวเหงามานั่งพองลมยังกะอึ่งอ่างอยู่แถว ๆ มุมกรง คอยส่งสายตามองตามรถอิชั้นนิ่ง ๆ ไปจนกว่ารถจะลับตา เป็นที่น่าเวทนากับอิ่เจ๊มันยิ่งนัก


แต่เดี๋ยวนี้ กะทิเปลี่ยนไปฮ่ะ ตั้งแต่มีอิ่แมวเด็กตัวขาวหางยาวตาเหลืองเข้ามาอยู่ด้วยในออฟฟิศ คุณพี่กะทิเค้าก็ไม่ค่อยจะสนใจอิ่เจ๊เลย เดาเอาว่าปัจจุบันอิ่เจ๊มันดำรงตำแหน่งเป็นเครื่องให้อาหารแมวเท่านั้น T^T เพราะพอฉีกอาหารซองให้กินอิ่มปุ๊บ สองแสบก็เอาแต่เล่นกัน ปล้ำกัน นัวเนียกัน แม้ว่าอิชั้นจะจับแยก แค่สองนาทีเท่านั้นมันก็โดดผลุงไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอีก (สนใจเจ๊บ้างงงง.. T_T)


นี่มันเกิดอัลไลขึ้นกันเนี่ย !!??

เท่านั้นยังไม่พอฮ่ะ กะทิยังทำตัวเป็นพี่ที่ดีเกินคาด อิชั้นฉีกอาหารซองให้ตัวละซอง ของโกกิใส่ถาดหลุมให้กิน ส่วนของกะทิใส่ถ้วยใบโปรดให้ กะทิกลับไม่กินซะงั้น แต่กลับรอให้โกกิกินอาหารของตัวเองจนเหลือเสียก่อน ค่อยไปตามเก็บกินอาหารที่เหลือ ร้อนถึงอิ่เจ๊ ต้องเปลี่ยนเป็นให้อาหารในถาดหลุมแบบคู่แฝด


กินอิ่มก็มานั่งแต่งตัว เลียขนให้สลวยสวยงามกันสักพัก แป๊บเดียวเท่านั้นฮ่ะ..ก็ได้เวลาชวนกันเล่นอีกแระ

อ่ะ..มาดูการประมวลภาพ สองแสบถล่มออฟฟิศกันนะคะ :)


เฮ้..แกทำไรอ่ะ ยัยลิงกิ


 เก๊าอิ่มแย้วอ่ะพี่ทิ....มาเล่นกันเถอะ ๆ


 เน่ ๆ..พี่ทิทำแบบเค้าได้ป่าว..ตอนเน้เค้าเป็น"สไปเดอร์แมว"นะ..แฟร่บ ๆ ๆ..(แฟร่บป้อเธอสิ....>0</ อ๋อย..โต๊ะกลางอันแสนแพงของช้าน T^T)


น่า..นะ..มาเล่นกันเถอะ ๆ (พี่ทิ : จะดีเหรอ อิ่เจ๊มองอยู่นะ ??)


งั้นมาเล่นมวยปล้ำกันก็ได้


เอาจริงนะ..ทิ ถีบ ๆ ๆ กิ กอด ๆ ๆ..เฮ้ย..@3%%#@@&^


หนุกจัง..อีกรอบมะพี่ทิ (อิ่เจ๊..พอเหอะ พวกเอร็งทำออฟฟิศจะกลายเป็นห้องอนุบาล ก.ไก่ แระ มองไปทางไหนก็มีแต่ของเล่นเอร็งทั้งคู่ แล้วไหนล่ะ สมุดบัญชีของชั้น)


สุดท้ายขอปิดตอนกันด้วยภาพสองแสบนั่งฟังอิ่เจ๊อบรมชุดใหญ่นะคะ อิอิ..

แล้วกลับมาพบกับกะทิและโกกิได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ




เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai