วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

พืชผักที่แมวกินได้


ถึงแม้ว่าแมวนั้นจะเป็นสัตว์กินเนื้อที่ต้องการอาหารประเภทโปรตีนมากกว่าพืชผักผลไม้ แต่ผลจากการวิจัยและค้นพบคุณประโยชน์ใน พืช ผัก ต่าง ๆ ที่ แมว กินและดีต่อสุขภาพนั้นก็ยังมีออกมาเรื่อย ๆ น่ะนะคะ วันนี้บล็อกยัยกะทิจะพาทุกคนมาส่องดูกันฮ่ะ ว่ามีพืชผักชนิดไหนบ้างที่น้องแมวของพวกเราสามารถแหล่ก เอ๊ย..กินได้

เอ๊..ไอ้ใบพรรค์นี้ กิงได้มั้ยน๊าาา...
อันดับแรกก็คือ ต้นข้าวสาลีอ่อนค่ะ แมวที่กินต้นข้าวสาลีอ่อนนั้นจะได้รับอรรถประโยชน์คล้าย ๆ กับเวลากินหญ้าน่ะนะคะ คือจะช่วยให้แมวสามารถขับเมือกสิ่งสกปรกหรือน้ำดีส่วนเกินออกจากร่างกาย ทั้งยังช่วยขจัดพยาธิ ทำความสะอาดลำไส้ ต้นข้าวสาลีนั้นจัดเป็นพืชที่อุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์และกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของแมว มีสารคลอโรฟิลด์ (สารสีเขียวของพืช) ที่ช่วยลดความเจ็บปวด ลดการอักเสบของบาดแผลในกระเพาะหรือลำไส้ รวมทั้งแผลที่ผิวหนังได้อีกด้วย

อันดับที่สองของพืชผักที่แมวสามารถกินได้ ก็คือ ใบโหระพาฮ่ะ ใบโหระพานั้นนอกจากจะทำให้อาหารแต่ละมื้อของคนอร่อยขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์กับสุขภาพของแมวอีกด้วย โดยเราสามารถนำใบโหระพา1-2 ใบมาฉีกผสมลงในข้าวหรืออาหารเม็ดสำเร็จรูป เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชวนกินได้น่ะนะคะ


ผักชี ผักชีนั้นเป็นพืชผักอีกชนิดหนึ่งที่แมวกินได้ค่ะ แต่ก็ไม่ควรให้แมวกินมากเกินไป เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองที่กระเพาะและระบบการย่อยอาหารของแมวได้

ต้นไผ่เงิน ต้นไผ่เงินนั้นมีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องการป้องกันก้อนขนอุดตันในลำไส้ และช่วยในการขับถ่าย ป้องกันการท้องอืด รวมไปถึงช่วยขับเสมหะในกรณีที่แมวของเราป่วยและมีอาการของไข้หวัดอีกด้วย

ต้นตำแยแมว ต้นตำแยแมวนั้นสามารถพบได้ทั่วไปค่ะ รากของตำแยแมวนั้นมีกลิ่นดึงดูดแมวมาก แถมยังเป็นยาถอนพิษโรคของแมวได้เป็นอย่างดี โดยแมวที่กินรากของตำแยแมวนั้น จะอาเจียนหรือสำรอกออกมา ถือเป็นยาถอนพิษสำหรับแมวชนิดหนึ่งน่ะนะคะ

นอกจากพืชผักที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว ยังมีพืชผักอีกหลายชนิดที่แมวสามารถกินได้ค่ะ อาทิเช่น ข้าวโพดต้ม ฟักทองนึ่ง แตงกวา ซึ่งแม้ว่าแมวจะกินพืชผักได้หลายอย่าง แต่ก็มีพืชผักบางชนิดเหมือนกันที่เป็นพิษต่อแมวและไม่แนะนำให้แมวกิน

ในตอนหน้าของบล็อกยัยกะทิ เราจะมาดูพืชผักที่ไม่ควรให้แมวกินกันบ้าง แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ




วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

แมวกินหญ้าเพราะป่วยจริงหรือ


หลายครั้งที่ปล่อยยัยกะทิออกไปเดินเล่น อิชั้นก็มักจะสังเกตว่า ยัยกะทิชอบตรงดิ่งไปงับ ๆ แง่บ ๆ เคี้ยว ๆ ใบหญ้าที่อยู่ในทุ่งโล่งหลังตึกเป็นประจำฮ่ะ

อิชั้นว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรอยู่มั่งแหละ ที่จู่ ๆ ยัยกะทิก็นึกอยากจะ กินหญ้า ขึ้นมา (คุณพระ !! รึมันจะเป็นวัวในร่างแมว) อาจจะต้องการไฟเบอร์เพื่อให้การขับถ่ายดีขึ้น หรือต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารของอิ่เจ๊ลง แต่คิดไปคิดมา ไอ้เหตุผลประโยคแรกมันมีน้ำหนักกว่าเหตุผลประการหลังแยะแฮะ (แหงล่ะ)


อย่ากระนั้นเลยฮ่ะ ในเมื่ออยากรู้่ว่าอิ่แมวตัวแสบของอิชั้นมันแพล่นลากสายจูงที่มีด้านหนึ่งผูกติดกับอิชั้นออกไปกินหญ้าทำไม เราก็คงต้องมาค้นดูกันหน่อยฮ่ะ ว่าจริง ๆ แล้ว มันกินหญ้าเพราะเหตุผลอะไรกันแน่

เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ อิชั้นเคยได้รับการบอกเล่าจากคนเลี้ยง แมว เลี้ยงหมามาเป็นทอด ๆ อ่ะนะฮะ ว่าหากเห็นหมาแมวออกไปกินหญ้า นั่นแสดงว่ามันป่วยนะ ในหญ้าอาจจะมียาหรือสารอะไรที่ช่วยรักษาอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหมาแมวโดยที่มันไม่ต้องไปหาหมอ ซึ่งอิชั้นนั้นก็เป็นคนซื่ออ่ะนะคะ ใครบอกอะไรก็เชื่อหมด (หรา..) แล้วก็จำฝังใจมาตลอดว่าถ้าเห็นหมาแมวกินหญ้า ก็แสดงว่ามันไม่ค่อยฉะบายนะตะเอ๊งงง..


จนกระทั่งมาสืบค้นข้อมูลดู ก็พบว่าไอ้ที่เข้าใจมาตลอดตั้งแต่เด็กจนแก่นั้น ก็ไม่ได้ถูกต้องซะทั้งหมดหรอกฮ่ะ หมาแมวกินหญ้า ไม่ได้หมายความว่ามันป่วยนะคะ แต่นั่นเพราะแมวมีกลไกสัญชาตญาณที่รักสุขภาพ (ดีกว่าคนอีก) เนื่องจากการกินหญ้าเข้าไปนั้น จะช่วยให้มันสามารถกำจัดพวกก้อนขนหรืออะไรก็ตามที่ติดคอออกมา โดยหญ้าพวกนั้นจะไปช่วยให้แมวสามารถสำรอกก้อนขนที่เกิดจากการเลียแต่งขน หรือเลียทำความสะอาดตัวเอง ออกมาได้โดยสะดวก

นอกจากนี้แล้ว หากขนที่แมวเลียหลุดเข้าไปในร่างกายโดยไม่ได้รับการขจัดออก และเกิดการสะสมมาก ๆ เข้า ก้อนขนเหล่านี้ก็อาจจะเข้าไปอุดตันลำไส้ของแมว ทำให้เกิดอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออกขึ้นมาได้ การกินหญ้าเข้าไป ก็เหมือนการกินกากใยเข้าไปเสริมเรื่องระบบขับถ่ายของแมวนั่นล่ะฮ่ะ เรียกว่าทำให้ถ่ายคล่องขึ้น แถมยังมีอานิสงฆ์ช่วยถ่ายพยาธิทั้งตัวกลมและตัวแบน ซึ่งเป็นตัวที่แย่งดูดซึมอาหารในกระเพาะและลำไส้ของแมวได้อีกด้วย


ประโยชน์ของการกินหญ้า นั้น ยังไม่หมดเท่านี้ฮ่ะ ว่ากันว่า หากแมวของเรานั้นดันไปกินอาหารที่ไม่เคยกิน ไม่ค่อยย่อย หรือกินอะไรที่มันไม่ควรจะกินต่าง ๆ อย่างเช่น นก หนู งู จิ้งจก ฯ เข้า การกินหญ้านั้นก็จะไปช่วยรักษาอาการอาหารเป็นพิษได้ระดับหนึ่ง

ข้อสุดท้ายเท่าที่ค้นข้อมูลเจอในเรื่องของประโยชน์ของการกินหญ้าที่มีต่อแมว ก็คือ การกินหญ้านั้นจะช่่วยให้น้องแมวของเราขับเสมหะในช่วงที่แมวเป็นหวัด เจ็บคอ ได้ฮ่ะ ที่สำคัญนอกจากจะมีฤทธิ์ช่วยรักษาอาการต่าง ๆ นานาข้างต้นแล้ว หญ้านั้นก็ยังมีกรดโฟลิค ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ใช้ในการผลิตฮีโมโกบิลที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงของน้องแมวของเราอีกด้วย

พิจารณาประโยชน์ทั้งหลายแหล่ของการกินหญ้าแล้ว หากบ้านไหนที่มีแมวที่ขอออกไปกินหญ้า ก็ให้เขาออกไปเถิ้ด...สำหรับยัยกะทินี่ อิชั้นก็ยอมให้มันลากอิชั้นไปยืนตากแดดรออิ่ตอนมันกินหญ้าอยู่เป็นประจำฮ่ะ หนัก ๆ เข้าชักไม่ไหวแฮะ ลากอิชั้นออกไปบ่อย ๆ จนตัวดำเป็นเหนี่ยงแล้ว อย่ากระนั้นเลย ในตอนหน้าเรามาหาข้อมูลเพิ่มกันนะคะ ว่านอกจากหญ้าซึ่งมีประโยชน์มากมายสำหรับน้องแมวแล้ว มีพืชผักประเภทไหนที่แมวสามารถกินและมีประโยชน์ได้คล้ายการกินหญ้าอีก เผื่อจะหามาเสริมให้ยัยกะทิกินแทนหญ้าได้มั่ง

แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ




อ้างอิงข้อมูลจาก playfc.com/www2/bbs/viewthread.php?tid=11291



วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อขวัญใจประจำบ้านพบกับขวัญใจประจำตึก


ตอนที่รับยัยกะทิมาอยู่ด้วย คงต้องบอกว่า อิชั้นรับเลี้ยงยัยกะทิแบบอุ๊บอิ๊บ ไม่บอกแม่ให้รู้น่ะค่ะ แหะ ๆ

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวว่าแม่จะว่า ว่าหาภาระใส่ตัว การนำ แมว โต ๆ ตัวหนึ่งไปเลี้ยงไว้ที่ตึกที่เป็นที่ทำงานค่อนข้างจะไม่สะดวกหลายอย่าง ไหนจะเรื่องของที่อยู่ที่กินเอย คนดูแลเอย ที่สำคัญก็คือ ตึกนั้นเปิดให้บริการเป็นอพาร์ทเม้นท์ ดังนั้นจึงแทบไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวงที่จะเลี้ยงสัตว์

แต่ทำไงได้..ถ้าไม่เอายัยกะทิไปอยู่ที่ตึก ก็หมายถึงอิชั้นคงจะหมดสิทธิ์เจอยัยกะทิอีกแล้ว (อาจจะตลอดชีวิต) ยัยกะทิเองก็คงต้องถูกอัปเปหิไปอยู่กับคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมันไปแล้ว โอกาสที่อิชั้นจะได้กอดมันอีก ก็คงยากแล้วล่ะ อย่ากระนั้นเลย รับเลี้ยงไว้ก่อน แล้วค่อยบอกแม่ทีหลังแบบมัดมือชกก็ได้เนอะ (แผนสูง 555+)

กว่าความจะแตกว่ารับยัยกะทิมาเลี้ยงที่ตึกก็กินเวลาไปเกือบเดือนฮ่ะ (อิอิ) แรก ๆ แม่ก็มีขมวดคิ้วนิ่วหน้าแบบไม่เข้าใจยัยลูกสาวบ้าง ด้วยเหตุที่คงนึกกระมังเนาะ ว่าอิชั้นหาเรื่องใส่ตัว เลี้ยงแมว เลี้ยงเมิวไม่เข้าเรื่อง แต่นานไป ด้วยความน่ารักของยัยกะทิ บัดนี้ แม่อิชั้นซึ่งตั้งตัวเป็นบุคคลที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้วก็ไม่รู้ T^T


จับได้เป็นกอด..


จับไม่ได้เป็นเหล่ 


555+

สังเกตว่าแม่ชอบไปคว้ายัยกะทิมาอุ้มอ่ะ ไม่รู้ทำไม แม่บอกว่าต้องอุ้มมันบ่อย ๆ มันจะได้คุ้นกับคน..เอิ่ม..แม่คะ กะทิคุ้นคนอยู่แล้วค่ะ ที่เห็นวิ่งหนีปรู๊ดปร๊าดเวลาหลุดจากกรงหรือหลุดจากออฟฟิศเพราะมันอยากออกไปชิ้ลลล.....คือแบบต้องเข้าใจอ่ะนะ ว่ากะทิมันเคยเป็นแมวเลี้ยงระบบเปิดมาก่อน ดังนั้น จึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับการได้วิ่งเล่นนอกบ้านเป็นเวลานาน ๆ ไม่อยากโดนจับเข้ากรง...หนูว่าที่แม่ชอบคว้าตัวยัยกะทิบ่อย ๆ เพราะขนมันนุ่มตัวมันนิ่ม บึ้บบั่บน่ากอดชิมิล่ะ..อิอิ..





นั่งทำงานไป ก็ขำแม่กับยัยกะทิไปอ่ะ อุอุ...เอาไว้โอกาสหน้าถ้ามีโอกาสจับภาพแม่แอบอุ้มยัยกะทิเล่นอีก จะเก็บมาฝากนะคะ สุขสันต์วันศุกร์สุดสัปดาห์สำหรับเพื่อน ๆ ทุกคนเลยค่ะ กอดแมววันละนิดจิตแจ่มใสทุกคนเลยนะคะ  :P



เรื่องและภาพประกอบจาก Pacharawalai


อิ่แมวขี้เหงา


อิ่เจ๊ยัยกะทิมันบ้าไปแล้ว 555+ แต่เชื่อว่าคนที่ตกหลุมรักแมวน่าจะมีอาการคล้ายคลึงอิชั้นนี่ล่ะ คือไม่ว่าจะเดินไปช้อปปิ้งยั้นไหนต่อไหน ก็ต้องคิด ๆ ๆ หาของกลับมาฝากแมวเราสักอย่างสองอย่างจนได้

เมื่อวานนี้อิชั้นไปช้อปปิ้งที่ห้างระดับภูธรมาฮ่ะ จริง ๆ ตั้งใจจะไปตุนไวน์ขวดมาแช่เย็นไว้ดวดสัก 2-3 ขวดนั่นล่ะ เพราะของเดิมก็เปิดดื่มวันละนิดวันละหน่อยจนหมดไปแระ แต่พอเดินเข้าห้างทีไร ไหง..มันจะต้องสอดส่ายสายตาหาของเล่นให้ยัยกะทิไปซะทุกทีก็ไม่รู้ >.<


เ้มื่อวานอิชั้นก็โดนมาอีก 138 บาทฮ่ะ ด้วยความที่อิ่หมู่นี้รู้สึกยัยกะทิบ้าพลังเหลือเกิน สองวันที่ผ่านมา ก็หลุดออกจากสายจูง แล้วก็เที่ยวโดด เที่ยวแอบ เที่ยววิ่งหนีอิชั้นพล่านไปจนถึงหอพักข้าง ๆ กันไปละ (เดือดร้อนถึงอิ่เจ๊ต้องวิ่งไล่ตามตะครุบ เป็นที่น่าขายหน้าแก่ไพร่ฟ้าประชาชี) อิชั้นเดาเอาเองว่า เป็นเพราะกะทิมันเหงา เนื่องจากตัวเองเป็นแมวเลี้ยงเดี่ยวรึเปล่าฟระ ปกติแล้วเวลาคนอื่นเค้าเลี้ยงแมว เค้าต้องเลี้ยงแบบมีคู่หูคู่ฮากันรึเปล่าอ่ะ แล้วถ้าแมวมันเหงา หรือแมวมันเครียด มันจะออกอาการไม่อยากเข้ากรง วิ่งหนีให้อิ่เจ๊มันไล่ตามจนขาขวิดแบบนี้มั้ย อย่ากระนั้นเลย ระหว่างที่กำลังทบทวนว่าจะรับแมวเด็กมาอยู่เป็นเพื่อนกับยัยกะทิอีกสักตัวดีรึเปล่า หาของเล่นให้มันเล่นเพลิน ๆ ใจก่อนดีกว่าเนาะ

ว่าแล้วอิชั้นก็ซื้อไอ้เจ้าทีมนี้มาให้กะทิฮ่ะ..3 ทหารเสือ คริ คริ


พอซื้อมาปั๊บก็ทดลองเอามาให้กะทิเล่นในออฟฟิศเลย ซึ่งก็นะ ผลตอบรับออกมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะยัยกะทิกอดรัดฟัดเหวี่ยงซะจนน้องฮิปโปเหม็นน้ำลายฮึ้ม..


 งานนี้เพื่อนใหม่โดนรับน้องอย่างหนัก กัด ๆ ถีบ ๆ จิก ๆ เหมือนแค้นเคืองกันมาแต่ชาติปางไหน





สรุปว่างานนี้ทิชอบฮ่ะ แต่ก็ไม่รู้จะเล่นกับบรรดาสิงสาราสัตว์ยัดนุ่นพวกนี้ได้นานแค่ไหนนะคะ อุอุ..ระหว่างนี้ก็เล่นกับเจ้าพวกนี้ไปก่อนละกันเนอะกะทิ ไว้อิ่เจ๊จะพิจารณาดูให้ถ้วนถี่อีกทีว่าจะสมควรจะรับแมวเด็กมาเป็นเพื่อนหนูป่าว..

แล้วกลับมาพบกับกะทิได้ใหม่ในครั้งหน้านะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai



วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

DIY. งูน้อยกลอยใจให้แมวเหมียว


ห่างหายจากการหางาน DIY. ของเล่นของใช้แมวมาสักพักใหญ่แระ เพิ่งนึกออกว่ามันต้องเขียนสักตอนครึ่งตอนสินะ 555+ มาค่ะ วันนี้บล็อกยัยกะทิจะชวนเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่านมาทำของเล่นให้น้องแมวของเรากัน ก่อนอื่นเรามาดูตัวอย่างของชิ้นงานสำเร็จของของเล่นชิ้นนี้กันก่อนนะคะ

งูน้อยกลอยใจของยัยกะทิ

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องจัดเตรียมได้แก่

  1. แกนกลางกระดาษชำระแบบม้วนธรรมดา 3 แกน
  2. เศษผ้าขนาดความยาวมากกว่าความยาวของแกนกลางกระดาษชำระต่อกันเล็กน้อย (แนะนำให้ยาวกว่าแกนกลางกระดาษชำระสักประมาณ 6 นิ้วค่ะ)
  3. ด้ายไหมพรม ยาวเท่าความยาวผ้า
  4. ปืนกาวร้อน
  5. เศษผ้าสีแดง
  6. ลูกตาตุ๊กตาชนิดแบน 2 ชิ้น
เมื่อพร้อมแล้วก็มาลงมือทำกันได้เลยค่ะ

  1. นำแกนกลางกระดาษชำระทั้ง 3 อันมาเรียงต่อกัน สอดด้านในแกนกระดาษด้วยด้ายไหมพรม แล้วยึดหัวท้ายด้ายไหมพรมไว้กับแกนกลางกระดาษชำระอันแรก และอันสุดท้าย
  2. นำเศษผ้ามาห่อแกนกลางกระดาษชำระ ม้วนให้ปิดผิวกระดาษให้หมด โดยให้เหลือปลายผ้าด้านหัวและท้ายยาวด้านละ 3 นิ้ว จากนั้นพับเศษผ้าหัวท้ายที่เหลือเข้าไปในแกนกลางกระดาษชำระ ยึดริมด้านในไว้ด้วยปืนกาวร้อน
  3. นำเศษผ้าสีแดงมาตัดทำแฉกลิ้นงู แล้วติดไว้ที่ด้านใดด้านหนึ่งของชิ้นงาน จากนั้นจึงติดลูกตาตุ๊กตาบนตัวงูที่ทำสำเร็จแ้ล้ว
เพียงเท่านี้เราก็จะได้ของเล่นชิ้นใหม่ น้องงูน้อยกลอยใจเอาไว้ให้เจ้านายเราถีบ ข่วน กัด ตามอัธยาศัย ;P โดยไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อหาของเล่นราคาแพง ๆ แล้วล่ะนะคะ



ภาพประกอบจาก wikihow.com/Make-Cat-Toys

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

คุณพระช่วย กะทิหลุด !!


อิ่เจ๊มันอยากจะอกแตกตาย..เมื่อวานยัยกะทิหลุดออกจากกรงแล้วก็สะบัดตรูด โดดผลุงปีนรั้วหนีไปตึกข้าง ๆ อ่ะ T^T

เมื่อวานนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่อิชั้นเหนื่อยจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยฮ่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก ไอ้ที่มันเหนื่อยเพราะต้องวิ่งตามไล่จับยัยกะทิที่หลุดผลั๊วะออกจากกรงแล้วก็เตลิดหนีเข้าไปในรั้วของหอพักที่มีบริเวณอยู่ติดกันนี่เอง

แสบแสนซน
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากฮ่ะ อิชั้นเกือบจะได้กลับบ้านเร็วอยู่แล้วเชียว เพราะหลังจากพาัยัยกะทิใส่สายจูงเดินเล่นแล้วก็ให้อาหารเปียกยัยกะทิกินเป็นที่เรียบร้อยละ ก็พายัยกะทิกลับเข้ากรง พอจะปิดกรง สายตาก็ดั๊นนน....เหลือบไปเห็นถ้วยอาหารเม็ดที่ดันมีมดขึ้นอยู่ตรึมเข้าให้ (ขึ้นได้ไงฟระ ถ้วยก็หล่อน้ำอยู่) ก็เลยตั้งใจจะหยิบเอามาปัดมดให้นี๊ดเดียว..จริง ๆ มันก็เป็นความสะเพร่าของอิชั้นเอง ที่ไม่คิดว่าแมวมันก็มีติง แถมเป็นติงที่โดดสูงได้ เพราะเผลอแผล็บเดียวยัยกะทิก็โดดผลุงข้ามไหล่ขวาของอิชั้นออกนอกประตูกรงไปทันที ไปแล้วไม่ใช่วิ่งปรู๊ดไปในทันทีนะคะ แต่ยังมีหน้าไปหยุดนั่งเลียขนตรูดตัวเองเยาะเย้ยอิ่เจ๊มันที่ยืนทำหน้าตาเหรอหราอยู่อีกตะหาก...พยายามทำใจชื้น ๆ เรียกมันด้วยน้ำเสีียงอ่อนโยน แล้วก็เดินเข้าไปจะจับมัน เท่านั้นแหละฮ่ะ แม่วิ่งเร็วปรู๊ดดด...แล้วก็โดดเกาะรูรั้วของหอพักข้าง ๆ หายวับไปกับตา T^T

นาทีนั้น อิ่เจ๊มันสตั๊นไป 4 วิ ฮ่ะ.. >.< เพราะจะให้โดดตามก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากรั้วปูนนี้สูงท่วมหัว (แต่มันมีรูระบายอากาศ เป็นอิฐบล็อกแบบมีรูอ่ะ นึกออกมั้ยคะ) ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือรีบใส่ติงหมา โกยแน่บอ้อมไปยังหอพักข้าง ๆ ทันที เดชะบุญที่หอพักเค้าไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องบุคคลภายนอกเข้าออก อิชั้นก็เลยวิ่งอ้อมเข้าไปทางด้านหน้าได้ พอไปถึงก็เรียกชื่อทันทีฮ่ะ กลัวเหลือเกินว่ามันจะไม่อยู่แล้ว เพราะรั้วของหอพักแถวนี้ ก็เป็นรั้วปูนติด ๆ กันทั้งนั้น แถมด้านหลังยังเป็นป่ารกชัฎ ที่มีบ้านคนเลี้ยงหมาดุไว้อีกต่างหาก ซึ่งถ้าหลุดไปได้ ก็คงหากันไม่เจอหรือไม่ก็โดนฟัดตายเป็นแน่ แต่โชคยังเข้าข้างฮ่ะ เพราะพอยัยกะทิได้ยินเสียงอิชั้นก็วิ่งแน่บออกมาทันที

หกล้มอิ่ตอนโดดจับยับกะทิอ่ะ T^T
แตร๊....มันไม่ได้วิ่งมาหาอิชั้นอ่ะ (อิ่เด็กเวง) มันแค่วิ่งแน่บมาทางอิชั้น แล้วก็เลี้ยวทำมุม 90 องศาไปอีกทาง ฝ่ายอิ่เจ๊มันก็ต้อนไปสิ..วิ่งไปทางไหน ก็ไล่ต้อนไล่จับไปทางนั้น กลัวเหมือนกันว่ามันจะยิ่งเตลิดแล้วก็ปีนหนีข้ามรั้วไปที่หออีกฝั่ง...แต่ก็นะ..ไม่รู้มันสนุกหรืออย่างไร  เพราะมันเอาแต่วิ่งเอาล่อเอาเถิดไม่ให้อิชั้นจับได้ซะงั้น..เดี๋ยวก็แอบตรงใต้ต้นไม้ เดี๋ยวก็ไปหยุดหอบแฮ่กในดงกล้วย T^T (แกเป็นแมวตานีเหรอยะ) เล่นเอาอิ่เจ๊มันใจจะขาด (ณ.จุดนั้น เริ่มรู้ละว่าสังขารไม่เที่ยงจริง ๆ) ในนาทีสุดท้าย พอมันเริ่มเหนื่อยแล้วก็นอนแหมะแปะอยู่ริมรั้ว อิชั้นก็ใช้วิชานินจาตัวเบา สไลด์ตัวเข้าไปจับมันทันที เกือบจับไม่ได้แน่ะ แต่ก็นะ...ยอมเจ็บตัวอ่ะ นาทีนั้นถ้าไม่จับให้ได้ ก็เห็นทีจะยากละ ผลสุดท้ายก็จับได้ฮ่ะ...แต่ก็สะบักสะบอมกันทั้งพี่ทั้งน้อง อยากจะกัดมันให้หูขาดจริง ๆ ให้ตายเซ่ะ..ช่างไม่รู้อะไรมั่งเล้ย ว่าทำแบบนี้มีแต่รังจะทำให้อิ่เจ๊มันประสาทเสีย ระแวงว่ามันจะหายมากขึ้น

ระหว่างอุ้มตัวกลับมาที่ตึก กะทิมันขู่ครืดด..ครืดด....อยู่ในลำคอฮ่ะ...แถมดิ้นปั่ด ๆ จะลงอีกตะหาก เดาเอาว่ามันยังไม่อยากกลับเข้ากรงอ่ะ อิชั้นชักนึกสงสัยซะละ ว่ามันจะเครียดที่ต้องอยู่ในกรงตัวเดียวเป็นเวลานาน ๆ รึเปล่าฟระ แถมอิ่หมู่นี้มีรถปิคอัพมาจอดปิดหน้ากรงมันจนมองไม่เห็นวิวข้างนอกเหมือนที่เคยเห็นอีกต่างหากด้วย อย่ากระนั้นเลย วันนี้คงต้องพยายามหาเจ้าของรถให้มาขยับรถไปจอดจุดอื่นให้ได้ แล้วก็คงต้องคิดถึงเรื่องที่จะหาแมวน้อยมาเป็นเพื่อนยัยกะทิซะแระ..

อย่าทำแบบนี้บ่อย ๆ นะกะทิ สงสารเจ๊มั่ง หลุดทีหายใจจะวายที มันไม่ใช่วีรกรรมแสนดีของหนูเลยนะ กระซิก ๆ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai