ช่วงนี้แอดมินเครื่อง(เขียน)ฟิต สตาร์ทติดง่าย 555+ ก็เลยรีบโขก เอ๊ย..รีบแคะบทความออกมาให้อ่านกันเรื่อย ๆ อ่ะนะคะ วันนี้เราจะมาแจกแจงถึงข้อดีข้อเสียของการเลี้ยงแมวในระบบปิด และระบบเปิดให้อ่านพอเป็นกระสัยเส้น(ตราเด็กในพานทอง) กันนิดหน่อยฮ่ะ
ก่อนที่จะไปรู้ข้อดีข้อเสียของการเลี้ยง แมว ทั้งสองระบบ เรามาดูความหมายและวิธีการของการเลี้ยงแมวทั้งสองย่างกันก่อนดีกว่า การ เลี้ยงแมวระบบปิด ก็คือ การจำกัดพื้นที่ที่เลี้ยงแมว ให้อยู่ในการควบคุมดูแลเสมอ เช่น จำกัดบริเวณเลี้ยงเฉพาะในกรง,เลี้ยงเฉพาะในบ้าน(ห้อง,คอนโด,หอพัก) หรือเลี้ยงเฉพาะในบริเวณบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด ส่วนการเลี้ยงแมวระบบเปิด ก็คือการเลี้ยงแมวที่ให้อิสระเสรีในการไปไหนมาไหนกับแมวมากกว่า เช่น แมวสามารถเดินไปซื้อปลาทูหน้าปากซอยได้เอง หรือแวะซื้อลูกชิ้นหมูรสเด็ดเพื่อสะสมแสตมป์เซเว่นที่สาขาใกล้บ้านได้..เอิ่ม..สองประโยคหลังไม่ใช่แระ..อิชั้นหมายถึง แมวมันสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้ถึงไหนต่อไหนตามใจชอบแค่นั้น
ข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบปิดมีหลายประการด้วยกันค่ะ คือ
- ป้องกันแมวสูญหาย เนื่องจากออกไปเที่ยวนอกบ้านแล้วกลับไม่ได้ หรือมีเหตุทำให้ไม่ได้กลับมาบ้าน
- ป้องกันการติดโรคติดต่อจากภายนอก เช่น โรคไข้หัด,โรคลำไส้อักเสบ,โรคมะเร็วเม็ดเลือดในแมว,โรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น
- ป้องกันความบาดหมางไม่เข้าใจกันระหว่างเพื่อนบ้าน เนื่องจากแมวเราไปรบกวนการใช้ชีวิต หรือไปทำความเดือดร้อนเสียหายกับบ้านของเพื่อนบ้าน
- ป้องกันการตั้งท้องของแมวตัวเมียแบบไม่พึงประสงค์ กรณีนี้สำหรับคนที่ยังไม่ได้พาแมวตัวเมียไปทำหมันน่ะนะคะ
- ควบคุมดูแลความสะอาดของตัวแมวง่าย ลดโอกาสติดปรสิตมาจากนอกบ้าน เช่น หมัด,เห็บ เป็นต้น
ส่วนข้อเสียของการเลี้ยงแมวระบบปิดก็มีเช่นกันค่ะ ได้แก่
- แมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระเสรี การนำแมวมากักขังไว้ในพื้นที่แคบจึงอาจทำให้แมวเกิดความเครียดสะสมได้ ทางออกก็คือควรให้เวลาแสดงออกถึงความรักกับแมวให้มากขึ้น และควรพาออกไปเดินเล่นโดยใช้สายจูงบ้างเป็นครั้งคราว
- ต้องใส่ในใจการทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของบ้านเป็นพิเศษ เนื่องจากการให้แมวคลุกคลีอยู่ในพื้นที่จำกัด ย่อมทำให้เกิดความเปรอะเปื้อนอยู่บ้าง เช่น กลิ่น หรือขนหลุดร่วง เป็นต้น
ในตอนหน้าของบล็อกยัยกะทิ เราจะมาดูข้อดีข้อเสียของการเลี้ยงแมวระบบเปิดกันบ้างค่ะ
เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai