วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีตามหาแมวหาย ตอนที่ 2


เชื่อว่าเพื่อน ๆ สมาชิกบล็อกยัยกะทิ ทั้งที่เป็นเพื่อนที่กรุณาติดตามอยู่ในเฟส หรือเพื่อน ๆ ที่หลงเข้ามาอ่านบล็อกนี้ ก็คงจะเคยเจอกับปัญหา หาแมวไม่เจอกันมาบ้างนะคะ...

ไอ้ปัญหาหาแมวไม่เจอนี่ล่ะ ที่เป็นปัญหาใหญ่ เพราะบางทีเราไม่รู้ว่ามันหายจริง หรือมันแค่หายไปแอบงีบนอนอยู่ตรงไหนกันแน่ ข้อสังเกตว่าแมวเราหายไปก็คือ หากได้เวลาที่แมวจะต้องเข้าบ้าน หรือกินอาหารแล้วไม่มาให้เห็น ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ามันหาย (ปริวิตกกันถึงเพียงนั้น..เง้อ)


ยิ่งถ้าเป็นแมวที่เคยเลี้ยงระบบปิด แล้วได้เวลาให้อาหารก็ยังหาไม่เจอ อันนี้ไม่ใช่แค่ปริวิตกฮ่ะ แต่แม่แมวพ่อแมวบางคนถึงกับจะเป็นบ้าเลยก็มี (บางคนยกมือบอกว่า..กรูด้วย T^T)

เอาเป็นว่าถ้าแมวกลับบ้านผิดเวลาเกิน 3 ชม.ก็ให้เริ่มออกตามหากันได้ละ อย่าได้นิ่งนอนใจเป็นอันขาด เพราะตราบใดที่แมวเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราควบคุมไม่ได้ โอกาสที่แมวจะเจออันตรายต่าง ๆ นานาก็มีสูง

เมื่อตอนที่แล้วบล็อกยัยกะทิได้แนะนำวิธีตามหาแมวกันไปบ้างนิดหน่อยแล้วค่ะ โดยแนะนำว่าหากหาแมวไม่เจอ ก็ให้ตามหาในบริเวณบ้านก่อน หากหาไม่เจอจริง ๆ คราวนี้อาจต้องเรียกกำลังเสริมที่เป็นคนในครอบครัวมาช่วยกันหาบริเวณรอบ ๆ บ้านหรือในรัศมีละแวกบ้านแล้วล่ะนะคะ

ทำไมแอดมินถึงแนะนำให้ใช้คนในครอบครัวออกตามหาน้องแมวล่ะ ให้คนอื่นช่วยตามด้วยไม่ได้หรือ คำตอบก็คือได้เหมือนกันค่ะ แต่การให้คนในครอบครัวเป็นกำลังหลักก็เพราะปกติแล้วน้องแมวของเรามักจะคุ้นเคยกับเสียงเรียกของคนในบ้าน ดังนั้น การได้ยินเสียง ได้เห็นคนที่คุ้นเคยก็จะทำให้เจ้าตัวแสบกล้าที่จะออกมาให้จับมากกว่า

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากำลังเสริมอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวจะไม่สำคัญนะคะ นาทีนั้น..ต่อให้ต้องเกณฑ์คนรู้จักมาทั้งหมู่บ้านเพื่อมาหาแมวสุดที่รักแค่ตัวเดียวอิชั้นว่าหลายคนก็คงยอมล่ะ

น้องแมวนี่เค้าจะจำเสียงของเจ้าของ,คนเลี้ยง หรือแม้แต่เสียงที่คุ้นเคยได้ค่ะ อย่างเช่น เสียงกระดิ่ง เสียงเขย่ากระป๋องอาหารเม็ด เสียงรถยนต์ของที่บ้าน เวลาเดินหาน้องแมวก็ควรที่จะส่งเสียงหรือนำเสียงที่เค้าคุ้นเคยติดไปด้วย เช่น เขย่ากระป๋องอาหารเม็ดพร้อมกับเรียกชื่อ หรือสั่่นกระดิ่งที่เค้าคุ้นเคยเวลาเรียกหา

นอกจากจะเดินดุ่ม ๆ หากันเองแล้ว ใช้ปากให้เป็นประโยชน์นะคะพี่น้อง >.< ถามค่ะถาม เจอยามถามยาม เจอลุงถามลุง เจอป้าถามป้า ถามแม่มมม..ให้หมดนั่นล่ะ เอ๊ะ..แอดมินเริ่มฮาร์ดคอเล็กน้อยทำไมคะเนี่ย ?? (คืออินค่ะอิน นอกจากเป็นห่วงไอ้เจ้าตัวแสบแล้ว ยังโมโหด้วยว่ามันหายไปไหน อ้อ..ถ้าปริ้นรูปตัวแสบออกไปให้คนอื่นดูด้วยก็จะดีมาก)

หากหาไม่เจอกันจริง ๆ ก็อย่าได้ลดละค่ะ พักเหนื่อยกันก่อน แล้วค่อยออกตามหาใหม่ หากลางวันแล้วไม่เจอ ก็ลองออกตามหากลางคืนดูบ้าง เนื่องจากแมวส่วนใหญ่มักจะกลัวสภาพแวดล้อมที่อันตรายและวุ่นวายในช่วงกลางวัน แต่จะค่อย ๆ ออกมาในยามวิกาลที่เสียงต่าง ๆ รอบตัวสงบกว่า

นอกจากจะตามหาด้วยกำลังคนแล้ว การใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ก็ดูดีมีประโยชน์ค่ะ >.< ปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ามีการประกาศลงเฟสบุ้คหรือตามกระทู้ ตามบอร์ดสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ให้ช่วยหาแมวหาหมาหรือหาสัตว์เลี้ยงที่หายไปจากบ้าน ทั้งนี้ก็ควรมีภาพ,พิกัดของสัตว์เลี้ยงที่หายไปด้วย ว่ามีลักษณะเด่นอย่างไร หายไปตอนไหน ละแวกไหน และทิ้งเบอร์โทรศัพย์ที่สะดวกให้ติดต่อ


ออกจากสื่อออนไลน์ก็มาถึงสื่อออนเสาไฟกันบ้างค่ะ ให้เราปริ้นรูปของเจ้าตัวแสบที่หาย พร้อมทั้งรายละเอียด เบอร์โทรศัพย์ รวมไปถึงอาจให้รางวัลสำหรับผู้พบเห็นและนำมาคืนด้วยก็ได้ แล้วก็เอาไปแปะไว้ตามเสาไฟหรือจุดต่าง ๆ (วิธีนี้หากพบแมวของเราแล้ว หรือผ่านไปนานจนแน่ใจว่าไม่พบแล้วก็ควรตามไปแกะออกด้วยนะคะ)

สำคัญที่สุดก็คือกำลังใจค่ะ จะบนบานศาลกล่าว จุดธูปบอกพระภูมิเจ้าที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพบูชาให้เราสามารถหาเค้าเจอก็ไม่เสียหาย และจะต้องไม่เลิกล้มการตามหาเร็วเกินไป เพื่อให้น้องแมวของเรามีโอกาสกลับคืนสู่อ้อมอกของเราให้มากขึ้นด้วย

สุดท้ายนี้อิชั้นจะบอกว่า..ทางแก้สำหรับปัญหานี้ก็คือการพยายามดูแลน้องแมวของเราอย่างใกล้ชิดค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันเหตุอันไม่คาดฝัน อันจะทำให้แมวของเราพลัดพรากไปจากบ้านของเราแบบไม่ได้ตั้งใจด้วย ในตอนหน้าของบล็อกยัยกะทิ เราจะมาดูข้อดีข้อเสียของการเลี้ยงแมวในระบบปิด และระบบเปิดกันนะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai