วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อขวัญใจประจำบ้านพบกับขวัญใจประจำตึก


ตอนที่รับยัยกะทิมาอยู่ด้วย คงต้องบอกว่า อิชั้นรับเลี้ยงยัยกะทิแบบอุ๊บอิ๊บ ไม่บอกแม่ให้รู้น่ะค่ะ แหะ ๆ

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวว่าแม่จะว่า ว่าหาภาระใส่ตัว การนำ แมว โต ๆ ตัวหนึ่งไปเลี้ยงไว้ที่ตึกที่เป็นที่ทำงานค่อนข้างจะไม่สะดวกหลายอย่าง ไหนจะเรื่องของที่อยู่ที่กินเอย คนดูแลเอย ที่สำคัญก็คือ ตึกนั้นเปิดให้บริการเป็นอพาร์ทเม้นท์ ดังนั้นจึงแทบไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวงที่จะเลี้ยงสัตว์

แต่ทำไงได้..ถ้าไม่เอายัยกะทิไปอยู่ที่ตึก ก็หมายถึงอิชั้นคงจะหมดสิทธิ์เจอยัยกะทิอีกแล้ว (อาจจะตลอดชีวิต) ยัยกะทิเองก็คงต้องถูกอัปเปหิไปอยู่กับคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมันไปแล้ว โอกาสที่อิชั้นจะได้กอดมันอีก ก็คงยากแล้วล่ะ อย่ากระนั้นเลย รับเลี้ยงไว้ก่อน แล้วค่อยบอกแม่ทีหลังแบบมัดมือชกก็ได้เนอะ (แผนสูง 555+)

กว่าความจะแตกว่ารับยัยกะทิมาเลี้ยงที่ตึกก็กินเวลาไปเกือบเดือนฮ่ะ (อิอิ) แรก ๆ แม่ก็มีขมวดคิ้วนิ่วหน้าแบบไม่เข้าใจยัยลูกสาวบ้าง ด้วยเหตุที่คงนึกกระมังเนาะ ว่าอิชั้นหาเรื่องใส่ตัว เลี้ยงแมว เลี้ยงเมิวไม่เข้าเรื่อง แต่นานไป ด้วยความน่ารักของยัยกะทิ บัดนี้ แม่อิชั้นซึ่งตั้งตัวเป็นบุคคลที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้วก็ไม่รู้ T^T


จับได้เป็นกอด..


จับไม่ได้เป็นเหล่ 


555+

สังเกตว่าแม่ชอบไปคว้ายัยกะทิมาอุ้มอ่ะ ไม่รู้ทำไม แม่บอกว่าต้องอุ้มมันบ่อย ๆ มันจะได้คุ้นกับคน..เอิ่ม..แม่คะ กะทิคุ้นคนอยู่แล้วค่ะ ที่เห็นวิ่งหนีปรู๊ดปร๊าดเวลาหลุดจากกรงหรือหลุดจากออฟฟิศเพราะมันอยากออกไปชิ้ลลล.....คือแบบต้องเข้าใจอ่ะนะ ว่ากะทิมันเคยเป็นแมวเลี้ยงระบบเปิดมาก่อน ดังนั้น จึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับการได้วิ่งเล่นนอกบ้านเป็นเวลานาน ๆ ไม่อยากโดนจับเข้ากรง...หนูว่าที่แม่ชอบคว้าตัวยัยกะทิบ่อย ๆ เพราะขนมันนุ่มตัวมันนิ่ม บึ้บบั่บน่ากอดชิมิล่ะ..อิอิ..





นั่งทำงานไป ก็ขำแม่กับยัยกะทิไปอ่ะ อุอุ...เอาไว้โอกาสหน้าถ้ามีโอกาสจับภาพแม่แอบอุ้มยัยกะทิเล่นอีก จะเก็บมาฝากนะคะ สุขสันต์วันศุกร์สุดสัปดาห์สำหรับเพื่อน ๆ ทุกคนเลยค่ะ กอดแมววันละนิดจิตแจ่มใสทุกคนเลยนะคะ  :P



เรื่องและภาพประกอบจาก Pacharawalai