วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อเชื้อรากลับมาเยือนยัยกะทิ


โอ้ย..จะบร้าตาย..อุตส่าห์สู้รบปรบมือกับไอ้เชื้อราบ้า ๆ นั่นมาตั้ง 4 เดือน จู่ ๆ มันก็กลับมาเคาะประตูบ้านยัยกะทิโดยไม่ให้สุ่มให้เสียงซะงั้น T^T

เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน อิชั้นสังเกตว่า ผิวหนังบริเวณใกล้ ๆ บั้นท้ายยัยกะทิมีรอยขนแหว่งไปหน่อยนึงฮ่ะ


แหว่งไปหน่อยนึงในที่นี้ก็คือ แหว่งชนิดที่ขนหายไปเลย หลุดไปเลย เหลือแต่ผิวหนังเกลี้ยง ๆ เป็นวง ๆ ความกว้างสักราว ๆ 1 ซม.ได้ (แถมมีรอยคราบน้ำลายเลียเป็นเส้นรอบวงอิ่รอยขนแหว่งปริศนานั่นด้วย) ซึ่งอิชั้นพยายามสังเกตสังกาดูแล้ว ผิวที่ขนหายก็ไม่ได้มีอาการแดงหรือมีรอยแผลแต่อย่างใด ก็ได้แต่นึกในใจว่ามันคงคันแล้วกัดขนแหว่งไปเองมั๊ง


คิดในแง่ดีมาเกือบสองอาทิตย์ฮ่ะ ที่สุดก็ทนไม่ไหวเพราะรอแล้วรอเล่าขนมันไม่ขึ้นซะที แถมมีทีท่าว่าจะค่อย ๆ ขยายวงกว้างมากขึ้นด้วย ที่สุดอิชั้นก็เลยหอบยัยกะทิออกไปให้หมอตูนซึ่งเปิดคลีนิครักษาสัตว์อยู่หน้าตึกดูให้หน่อย ซึ่งคุณหมอที่น่ารักก็ช่วยดูให้ แล้วก็ฟันเฟิร์มว่ามันไม่เป็นอะไรหรอก มันคงคันแล้วก็ทึ้งขนตัวเองแหละ เพราะดู ๆ ผิวแล้วก็ไม่มีอาการข้างเคียงสักกะนิด


อิชั้นก็แอบโล่งใจไปนิดนึงฮ่ะ ที่หมอบอกว่ายัยกะทิไม่ได้เป็นอะไร ได้แต่หวังไว้ในใจว่าอีกหน่อยขนมันขึ้นเองมั๊ง จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อนนี้เอง พี่แอ๋วซึ่งเป็นเจ้าของเก่าคนแรกของยัยกะทิแวะมาหายัยกะทิที่ตึก แล้วก็พายัยกะทิไปตัดเล็บเสริมสวยที่ร้านหมอคนเดิมอีก (จริง ๆ ป้องกันยัยกะทิเล่นแรง ๆ นั่นแหละ เพราะมันไม่ยอมหุบเล็บเวลาเล่น) คราวนี้พี่แอ๋วก็ถามหมอตูนอีกรอบว่าทำไมขนกระทิแหว่งแบบนั้น ซึ่งหมอตูนก็ยืนยันอีกครั้งว่ามันไม่เป็นไรหรอกฮ่ะคุณพี่ ประเด็นสำคัญก็คือ..ขนบริเวณนั้นมันอาจจะไม่ขึ้นอีกแล้วนะ มันจะกลายเป็นอิ่แมวขนแหว่งไปแบบนั้นแหละ อิชั้นได้ฟังพี่แอ๋วขยายความตามนั้น ก็ร้อนใจสิคะ..อะไรฟระ อยู่ดี ๆ จะให้น้องมากลายเป็นอิ่แมวขนแหว่งได้ไง..อิชั้นในฐานะคุณเจ๊ อิชั้นไม่ยอมนะ !!


อย่ากระนั้นเลย หลังจากเคลียส์งาน(ที่ไม่ค่อยจะมี) เสร็จละ เมื่อวานอิชั้นก็เลยเปลี่ยนหมอฮ่ะ คราวนี้จับยัยกะทิลงกระเป๋า ขับรถเผ่นไปหาหมอที่ยัยกะทิฝากพุงทำหมันไว้เมื่อหลายเดือนก่อนในเมืองนู่น พอหมอเห็นผิวยัยกะทิก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ลูบ ๆ คลำ ๆ บั้นท้ายยัยกะทิดูสักพัก ก็ทำหน้ายิ้ม ๆ แล้วก็บอกด้วยอาการใจเย็นว่า

"อาการนี้ก็คือ เชื้อรา แหละครับ"

ห๊ะ..ไรนะหมอ..เชื้อราเพื่อนเก่ายัยกะทิที่เพิ่งเฉดหัวออกจากบ้านไปเมื่อเดือนก่อนน่ะรึ ??!!

"แต่ผิวหนังมันเกลี้ยงนะคะหมอ ไม่มีรอยแดงรอยดำอะไรเลย มันจะเป็นเชื้อราแน่เหรอคะ" อิ่เจ๊ยังดื้อ

"ครับ..ขนร่วงเป็นวงแบบนี้เชื้อราแน่ ๆ ยืนยันพันเปอเซ็นต์.." หมอหัวเราะหึหึ "..ถ้าปล่อยไว้ ขนก็จะร่วงลุกลามไปอีก สรุปก็คือต้องทายานะครับ"

ไอ๊หยา..อิ่เจ๊มันร้องเสียงหลงในใจ นี่ยัยกะทิต้องกลับไปสู่วงจรเดิม ๆ อีกแล้วเหรอเนี่ย  แต่งานนี้อิชั้นเริ่มรู้แกวฮ่้ะ เพราะยัยกะทิทายายากมากกกก..มันชอบเลียยาออกหมดอ่ะ อิชั้นก็เลยต่อรองหมอว่า มีวิธีอื่นที่สะดวกกว่าการทายามั้ย..ที่สุดหมอก็เลยต้องให้เป็นสเปย์พ่นฆ่าเชื้อราบนผิวหนังมาแทนฮ่ะ แต่ก็มีข้อแม้ว่าพ่นแ้ล้วต้องรอให้ยาที่พ่นแห้งสนิทเสียก่อนนะ ไม่งั้นยัยกะทิก็เลียอีก สรุป..หมอก็เลยสั่งจ่ายทั้งสเปย์พ่นยากับตัวคอลล่าสวมหัวมาด้วย


แต่ขอบอกว่างานนี้สงสัยอิชั้นจะเสียตังค์ค่าคอลล่าฟรีฮ่ะ เพราะยัยกะทิไม่ยอมใส่เอาซะเลย ที่สุดอิชั้นก็ได้แต่พ่นยา แล้วชวนน้องเล่นให้ลืม ๆ ไปตามเรื่อง ซึ่งก็นะ..ไม่ค่อยจะได้ผลหรอก เพราะเผลอแป๊บเดียวยัยกะทิก็เลียขนที่พ่นยาไว้ในทันใดอีก >.< สร้างความปริวิตกเป็นห่วงวุ่นวายใจของอิ่เจ๊มันเป็นที่ยิ่ง

สรุปว่ายัยกะทิต้องพ่นยาเช้า-เย็น ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 เดือนเจียวนะคะ.. อิชั้นกำลังนึกอยู่ว่าคงจะใช้การพ่นยาร่วมกับการจับยัยกะทิอาบน้ำทุกครั้งที่มีแดดโผล่แหละ คาดว่าถ้าขยันพ่นยากับซักยัยกะทิด้วยแชมพูไนโซรัลที่เคยใช้มาสักพัก อาการ เชื้อรา ที่มีก็คงดีขึ้น ก็รักษากันไปเนอะกะทิ ดีกว่าเป็นอิ่แมวขนแหว่งตั้งแยะ T^T


เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai