วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

เจ้าข้าเอ๊ย...แมวงอก..


เรื่องของเรื่องก็คือแม้ว่าปัจจุบันนี้ยัยกะทิจะเป็นแมวเลี้ยงเดี่ยว ชนิดโสดแต่ไม่สด คือมีลูกมาก่อนหน้าที่จะพาไปทำหมันหลายครอกแล้วก็ตาม แต่ด้วยความที่แอดมินเลี้ยงกะทิระบบปิด คือมันต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในกรงถึงวันละ 20 ชม.โดยประมาณ อิชั้นก็เลยค่อนข้างจะสงสานยัยกะทิที่วัน ๆ ต้องอยู่แบบเงียบเหงา ไม่มีเพื่อนคู่หูไว้คลอเคลียเหมือนบ้านที่มีปริมาณแมวจำนวนมากกว่าหนึ่งตัวน่ะนะคะ

อย่ากระนั้นเลยฮ่ะ เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว อิชั้นได้ข่าวมาว่าลูกของยัยกะทิที่พี่สาวให้คนรู้จักไปนั้น ให้ลูกมาอีกครอกหนึ่ง ซึ่งก็นะ...พี่สาวซึ่งรู้ว่าอิชั้นเลี้ยงยัยกะทิได้ดีและมีความสุขก็เลยเอ่ยปากถามว่า จะเอามั้ย..หลานยัยกะทิอ่ะ ถ้าจะเอาเดี๋ยวจะขอให้

ทีแรกอิชั้นก็ลังเลฮ่ะ เพราะการมีแมวงอกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัว นั่นหมายถึงภาระทางใจที่เพิ่มมากขึ้น..เนื่องจากต้องมีความเป็นห่วงและต้องให้การดูแลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ก็นั่นแหละเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว งานนี้กำไรคงจะตกอยู่กับยัยกะทิมากกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็มีหลานแมวเอาไว้คอยอี๋อ๋อคุยด้วย เวลาอิชั้นไม่อยู่ อย่ากระนั้นเลย เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง 3 เดือนละ ในที่สุด อิชั้นก็ได้ฤกษ์ไปถอยแมวใหม่มาใส่ตึกจนได้อ่ะนะคะ


พอไปถึงปั๊บ..ก็พบว่าอิ่หนูเจ้าหนูทั้งหลายนอนกกกันอยู่ในกรงสภาพโทรม ๆ ที่วางเรี่ยราดอยู่กับพื้นดินหลังบ้านคนเลี้ยงนั่นล่ะ สภาพน่าเวทนามาก เพราะแลดูเลอะ เขลอะไปทั้งตัว มองไม่ออกเลยว่าเป็นแมวเหลืองหรือแมวขาว 555+ T^T  จริง ๆ ลูกของลูกยัยกะทิครอกนี้มีทั้งหมด 4 ตัวนะคะ แต่เชื้่อยายกะทิมันแรว๊งงง..เพราะออกมาเป็นแมวขาวปลอดขนยาว หางยาว หูใหญ่ซะตั้ง 3 ตัว และมีแพ็คแถมเป็นแมวลายสลิดอีก 1 ตัว สรุปก็คือเจ้าของแมวเค้าให้เลือกไป 2 ตัวโดยขยักตัวผู้สีขาวไว้ให้เค้าตัวนึง อิชั้นกับหลานชายที่เตรียมตระกร้าไปใส่ ก็เลยได้ตัวผู้กับตัวเมียสีขาวหางยาวเฟื้อยมาอย่างละตัวซะงั้น (ตั้งใจจะไปเอาแค่ตัวเดียวนะน่ะ)


งานนี้เจ้าหนูสองตัวนี่จะถูกเลี้ยงต่างที่กันฮ่ะ คือตัวนึงจะต้องอยู่กับอิชั้น ส่วนอีกตัวนึง พี่สะใภ้ซึ่งเป็นเจ้าของคนแรกของยัยกะทิจะเอาไปเลี้ยง ซึ่งก็นะ..แอบสงสานเด็ก ๆ เหมือนกันที่ต้องแยกกันอยู่ แต่อย่างน้อย เมื่อมันเปลี่ยนมือมาอยู่กับอิชั้นและพี่สะใภ้ ก็แน่ใจได้ว่าเด็ก ๆ จะต้องมีสภาพชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมแน่ ๆ

แต่ก่อนที่จะพาเด็กสองตัวนี้เข้าบ้านไปเจอกับยัยกะทิ ก็ต้องผ่านขั้นตอนการเก็บตัวก่อนฮ่ะ หลาย ๆ คนคงพอจะทราบกันมาบ้างแล้ว ว่าแมวนั้นมีโรคภัยไข้เจ็บที่ค่อนข้างจะเยอะอยู่พอสมควร และบางโรคก็เป็นโรคที่แฝงตัวมันมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นก่อนที่จะพาแมวเข้าบ้าน ก็ต้องพาไปจัดการถ่ายพยาธิ อาบน้ำ กักกันโรคให้แน่ใจว่ามันจะไม่เป็นพาหะของโรคเสียก่อน

อิชั้นเลือกที่จะพาเจ้าแฝดสองตัวนี้ (เพราะมันเหมือนกันเด๊ะ ๆ ยกเว้นบริเวณใบหน้าซึ่งแตกต่างกันเล็กน้อย) ไปหาหมอที่คลีนิคบ้านรักสัตว์ในเมืองฮ่ะ พอไปถึงก็แจ้งเจตน์จำนงกับหมอ ว่าจะพาน้องมาถ่ายพยาธิ+ทำวัคซีนเข็มแรก แล้วก็อยากจะตรวจดูให้แน่ใจว่าน้องไม่เป็นโรคภัยอันตรายใด ๆ ที่จะนำไปติดยัยกะทิ หมอเค้าก็ดีใจหาย เพราะอธิบายให้ฟังเสร็จสรรพว่าควรกักดูโรคไว้กี่วัน สรุปก็คือ งานนี้อิชั้นต้องเอาเด็ก ๆ ทิ้งไว้ที่หมอ 4 วัน จากนั้นจึงนำกลับไปอนุบาลที่บ้าน ก่อนที่จะพาไปเจอหน้ายัยกะทิที่ตึก และที่สำคัญอาจจะต้องกักตัวไว้ที่บ้านเป็นเดือนเพื่อทำวัคซีนให้ครบ จะได้แน่ใจว่าจะไม่มีโรคภัยไปติดยัยกะทิ

ในตอนหน้ามาดูขั้นตอนแรกของการโมดิฟายพวกเด็ก ๆ กันค่ะ แล้วกับมาพบกับยัยกะทิและแมวถั่วงอกแพ็คคู่นี้กันต่อนะคะ



เรื่องและภาพประกอบโดย Pacharawalai