วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หนมปังเดอะซีรี่ย์ ตอนที่ 5


"ไม่เอาของแถมได้มั้ย" T^T

ขออิชั้นใส่จุดไข่ปลายาวสามกิโลเมตรในบล็อกได้มั้ยเค๊อะ หึหึ..เพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนเมื่อพูดถึงของแถม ก็มักจะบอกว่า ดีจะตาย..ซื้อไรก็ได้แถมดั้ว แต่กรณีถ้าเป็นแมวแบบที่อิชั้นเจอนี่ล่ะ อยากได้ของแถมกันม๊ายยยย....

.......

สองอาทิตย์ผ่านไปไวซื่อ ๆ ฮ่ะ

หลังจากที่อิชั้นเพียรพยายามเอาอาหารเปียก,อาหารเม็ด ไปล่อไอ้เจ้าหนมปังให้ออกมาจากใต้อ่างซิงค์หลังบ้านน้องสาวทุกวัน ซึ่งแน่นอน เหตุการณ์เหล่านั้นก็มักจะมีตัวเจือกสีเหลือง ๆ มาคอยแจมกินด้วยตลอด


จิ้มยื่นให้ไอ้ตัวเล็กที..ไอ้ตัวใหญ่ก็ร้อง..ม๊าวววว..ที สรุปก็คือ อาหารซองหนึ่งซอง แบ่งเป็นของน้องซะครึ่งของไอ้พี่ตัวเหลืองซะครึ่ง..

แต่อิชั้นหารู้ไม่ว่าท่าทีอันแสนจะเป็นมิตรของไอ้เจ้าแมวเหลือง มันทำให้เจ้าหนมปังรู้สึกวางใจในตัวอิ่เจ๊มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดในเช้าวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ ไอ้เด็กกิ๊กก๊อกก็ค่อย ๆ โผล่หัวออกมาจากใต้อ่างล้างจานด้วยท่าทางกลัวๆ กล้าๆ


"ไง....." อิ่เจ๊พยายาทอดน้ำเสียงนุ่ม ๆ ถนัดนักล่ะไอ้เรื่องหลอกเด็กนี่ "..ออกมาแล้วเหรอลูก มาๆ ไม่ต้องกลัว มากินข้าวกันก่อนเร้ว เดี๋ยวเจ๊จะไปทำงานแล้ว"


ขณะที่ไอ้ตัวเล็กโผล่หัวมากลางแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ไอ้เหลืองก็เปิดเกมรุก !! สีตรูดอิชั้นหนักข้อขึ้น (บ๊ะ !!??) ...แน่นอนว่าอิชั้นต้องคอยดันมันออกไปไกล ๆ ตัวตลอด ไม่ใช่รังเกียจรังงอนหรอกฮ่ะ ช่วงนั้นก็แอบเอ็นดูมันขึ้นมามั่งแระ ก็อย่างว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แต่หัวใจอ่อนๆ..ของเจ๊จะทนได้ยังงาย)..แต่เรื่องของเรื่องคือ กลัวมันตบไอ้หนมปังนี่ล่ะ


สงสัยไอ้เด็กตะหมูกดำมันคงคิดว่า..ขนาดไอ้เหลืองตัวโตกว่ามันตั้ง 3 เท่า ยังวางใจอิ่เจ๊เลย ไหนลองออกไปมั่งสิ เจ๊คงไม่จับมันไปกินหรอกมั๊ง..

ระหว่างนั้นไอ้เหลืองก็ยังพยายามทำคะแนนกับอิ่เจ๊ฮ่ะ..นอกจากจะพยายามยึดคืนพื้นที่แถวบริเวณตรูดแล้ว มันยังพยายามยื่นมือมาตบไอ้หนมปังทุกครั้งที่หนมปังเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนหนมปังมันจะเป็นเด็กขาดแม่..ที่พยายามยึดแมวตัวโตกว่าตัวนี้เป็นสรณะ เพราะแม้ว่าไอ้เจ้าเหลืองจะพยายามแยกเขี้ยวยิงฟันให้อย่างไร หนมปังก็ยังเดินย่อง ๆ หน้าจ๋อย ๆ เข้าหาอยู่เรื่อยๆ...

"เฮ้ย..เหลือง อย่าตบน้องสิ" อิ่ชั้นปรามไอ้แมวใหญ่ตลอด ๆ ขณะเดียวกันก็พยายามจะไม่ทำให้ไอ้แมวเล็กตกใจ เดี๋ยวมันจะวิ่งหนีหายไปซะอีก

โชคเข้าข้างหรือเพราะความตั้งใจจริงของอิ่เจ๊เป็นผลก็ไม่รู้อ่ะนะคะ เพราะวันถัดมา เมื่ออิ่ชั้นลงไปเรียกหา เจ้าหนมปังมันก็ยอมโผล่หน้าจ๋อยๆ ซี่โครงเล็กๆ เดินกระย่องกระแย่งด้วยความเร็วประมาณทากคลานออกมาจากที่ซ่อน


ดมนิ้วกันนิดหน่อย คงพยายามพิสูจน์กลิ่นเหม็ดบูดของคนที่ยังไม่ได้อาบน้ำ..5555+


ไง...เป็นเด็กจร อดมื้อกินมื้อ ทนหนาวทนเปียกฝน พอรึยังลูก..


มาอยู่กับเจ๊เอามั้ย....บ้านเจ๊อบอุ่นนะ มีข้าวให้กินทุกมื้อ มีกอดให้ทุกวัน หนูจะได้ไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ โดนแมวตัวอื่นไล่กัด ไล่รังแกบ่อยๆ ไง


 ไหนดูสิ...ต้องพาไปเสริมดั้งก่อนเข้าบ้าน AF มั้ย..คริ คริ


ห้านาทีถัดจากนั้น เราก็รักกันค่ะ 5555

หลายคนมีคำถาม....แล้ว "ไอ้เหลือง" ล่ะ แล้วกลับมาดูวิวัฒนาการของเจ้าสองเสือคู่นี้กันใหม่ในตอนหน้านะคะ

...............

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หนมปังเดอะซีรี่ย์ ตอนที่ 4


มัวแต่วุ่นวายกับงานการจนไม่ได้เขียนไดอารี่แมวเหมียวซะร่วมสองเดือนเลย ชีวิตไหงมันรันทดขนาดนี้ 555 เอาเนาะ มีงานก็ทำกันไป ยังไงซะบ่นว่างานแยะก็ดีกว่าบ่นว่าตกงานล่ะน่ะ

..........

ช่วงที่อิ่เจ๊พยายามผูกมิตรกับไอ้เด็กตะหมูกดำที่ระหกระเหเร่ร่อนมาจ๊ะเอ๋กันในวันหนึ่งเข้า เป็นช่วงที่ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมากเลยแหละฮ่ะ

อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้า "หนมปัง" เป็นแมวเด็กที่ไม่เคยถูกต้อนรับมาก่อน และคงจะถูกไล่ตีไล่แห่มาจากที่ไหน ๆ ทำให้ความไว้วางใจในตัวมนุษย์อยู่ในระดับที่ต่ำถึงต่ำมาก

ช่วงอาทิตย์แรกที่อิ่เจ๊พยายามเอาอาหารไปประเคนให้ ไอ้เด็กหยองกร็อดตัวนี้ก็ไม่ค่อยจะยอมออกมาให้เห็นตัวเต็มๆ หรอกนะคะ ได้แต่คุดคู้อยู่ใต้กล่องกระดาษมั่ง ใต้ซอกหลืบโต๊ะม้าหินอ่อนเก่าๆมั่ง ใต้ซิงค์อ่างล้างจานหลังบ้านน้องสาวมั่ง แต่อิ่เจ๊ก็เพียรพยามที่จะทำให้มันอิ่มท้อง ไม่หิวไม่โหยอย่างเต็มที่ จนกระทั่งช่วงหลัง ๆ ดูเหมือนมันจะตื่นกลัวอิ่เจ๊น้อยลงแต่ก็ยังไม่ยอมออกมาให้จับหรือสัมผัสตัวอยู่ดี


หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป..เหตุการณ์พลิกผันก็เกิดขึ้นฮ่ะ

เช้าวันนึง..หลังฝนตกเพิ่งหยุดหมาด ๆ อิ่เจ๊ก็ได้เวลาเทอาหารเปียกแล้วจะเอาลงไปให้ไอ้เจ้าตัวเล็ก พอโผล่หน้าออกจากประตูหลังบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้อง ม๊าวววว....โหยหวนของแมวใหญ่ตัวนึงเข้า

ด้วยความที่ช่วงหลังๆ เรด้าจับสัญญาณแมวเริ่มทำงานดีขึ้น (คือแทบจะเห็นแมวทุกตัวที่สิงอยู่ตามส่วนต่างๆ ของโลก) อิ่เจ๊ก็บังเอิ้นนน..เห็นไอ้เจ้าแมวใหญ่ตัวสีส้ม ๆ ปีน ๆ หาทางออกจากลูกกรงเหล็กหลังบ้านน้องสาวเข้าให้

"ไงแก..เข้าไปได้ยังไงล่ะนั่น แล้วนี่จะออกได้รึเปล่าเนี่ย"

"ม๊าววววว...." มันร้องตอบฮ่ะ คงนึกแปลกใจอยู่หน่อยๆ ล่ะมั๊ง ว่าร้อยวันพันปีไม่เคยมีมนุษย์คนไหนแวะคุยด้วย แล้วยัยตัวเล็กนี่มันเป็นใคร..ถึงได้แวะถามไถ่กันแบบนี้

"หิวป่าวล่ะ...." อิ่เจ๊ลังเลที่จะเดินต่อ.....ในมือก็ถือถ้วยอาหารเปียกอยู่ (ช่วงนั้นยังไม่มีอาหารแมวเป็นกิจจะลักษณะ มีแต่อาหารเปียกของน้องหมา จริงๆ ก็ของพี่ครีมนั่นล่ะ แฮ้ปมาเฉพาะกิจก่อน) ก็เลยลองใช้ตะเกียบจิ้มอาหารหมายื่นให้ไอ้เจ้าแมวเหลืองดูสักชิ้นดิ๊..ว่ามันจะกินมั้ย

โฮ๊ะ...ไวยังกะงูฉกอ่ะ ไอ้ตัวเหลืองฉกอาหารแมวอย่างว่อง ท่าทางคงจะหิวมาก

แต่อิ่เจ๊หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้น ทำให้เกิด "ภาระข้อผูกพัน" บางอย่างระหว่างคนกับแมวอ่ะ เพราะพออาหารชิ้นนั้นหลุดเข้าปากไอ้ดอกขจร มันก็เหมือนอิ่ชั้นทำสัญญารับรักมันอย่างไม่ตั้งใจไปครึ่งตัวละ !!

"ม๊าวววววววววววว...." ไอ้เหลืองดิ้นรนพยายามจะออกมาหาอิ่เจ๊ให้ได้ ท่าทางจะเป็นแมวตัวผู้แฮะ เพราะแม้จะผอมจนกระดูกซี่โครงหลังขึ้น แต่ขาก็ใหญ่ ไข่ก็โต เอ๊ย..อิ่ตอนนั้นยังไม่ได้สังเกตไข่ 555 แต่ค่อนข้างแน่ใจล่ะ ว่ามันเป็นตัวผู้

ประเด็นก็คือ...อิชั้นไม่ได้คิดจะเอาอาหารมาให้มันนะเค๊อะ แต่จะเอามาให้ไอ้หนมปังต่างหาก


"ม๊าวววว..." ที่สุดมันก็ออกมาจนได้ แล้วก็รีบรี่เอาตัวมาถู มาไถ คือทำทุกอย่างเพื่อที่จะทิ้ง "กลิ่น" ของความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวอิชั้นให้มากที่สุด

"อะไรของแกเนี่ย......." อิ่เจ๊พยายามผลักมันออกไปซ้ำแล้วซ้ำอีก..ไรวะ..จู่ ๆ ก็จะมาจับจองกันง่ายๆ ซะงั้น

"ม๊าววววว...." น้ำเสียงออดอ้อน ออเซาะ เจ้าเหลืองพยายามทุกวิถีทางที่จะได้แหล่กอาหารเปียกที่อิชั้นถือไว้ในมือ

อิชั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด ขำก็ขำ รำคาญมันก็รำคาญ กลัวว่ามันจะกัดไอ้เจ้าหนมปังด้วย เพราะตอนนี้ไอ้แมวกิ๊กก๊อกตัวน้อย มันคลานกระดุ้บ ๆ มารออาหารเปียกอยู่ใต้อ่างล้างจานแล้ว


"เอ้า ๆ ให้แกด้วยก็ได้ แต่อย่ากัดน้องนะเฟร้ย" อิชั้นจิ้มอาหารเปียกให้มันสลับกับการจิ้มส่งให้ไอ้เจ้าหนมปังที่นั่งคุดคู้เป็นอึ่งอ่างอยู่ใต้อ่างซิงค์ทีละชิ้น

....นับตั้งแต่วันนั้น ผ่านมาอีกหลายวัน...อิชั้นก็ไม่เคยหลบเลี่ยงการเรียกค่าคุ้มครองจากไอ้เหลืองได้เลย T^T

.................




วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

หนมปังเดอะซีรี่ย์ ตอนที่ 3


เกือบจะเป็นไดอารี่รายปีละ 555+ จำไม่ได้ว่าเขียนไดอารี่ในบล็อกนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าท้าวความเดิมจากตอนที่แล้วสักเล็กน้อยละกันเนอะ

ตอนที่แล้วอิชั้นเล่าให้ฟังนิดนึงแล้วฮ่ะ ว่าจู่ ก็มีอิ่แมวเด็กหน้าแปลกที่หลงขึ้นมาอยู่บนชั้นสองของบ้านโดยไม่ได้เชื้อเชิญ แถมยังเที่ยวเล่นซ่อนแอบตรงโน้นตรงนี้ให้อิ่เจ๊ตื่นเต้นเล่นเป็นพัก ๆ เป็นแบบนี้อยู่สักราวๆ 3-4 วันได้น่ะนะคะ

จู่ๆ มาวันนึง หลังจากออกจากที่ซ่อนสุดท้ายก็คือ ตู้เสื้อผ้าเก่าที่ไม่ได้ใช้อะไรแล้วไปอย่างถาวร อิชั้นก็บังเอิ้นนนน..เห็นแมวลูกแมวฝูงนึงกับแม่แมวสีดำนั่งงอก่องอขิงตากแดดอยู่ที่บนโต๊ะม้านั่งหินอ่อนตัวเก่าหลังบ้านเข้าให้อ่ะ

เล็งจากระยะไกลซึ่งอิชั้นยืนอยู่แล้ว (อิ่ตอนนั้นกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่บนระเบียงชั้นสอง) แม่แมวดำตัวนี้ก็คงจะถูกจับมาปล่อยพร้อมเด็ก ๆ ทั้งพรวน นับหัวหลิม ๆ เล็ก ๆ ที่ผลุบเข้าผลุบออกหลังบ้านน้องสาวได้ทั้งสิ้น ลูกแมวก็คงจะมี 4 ตัว รวมแม่แมวด้วยเป็นห้า..แหม..ช่างเป็นครอบครัวใหญ่ได้ใจเอาซะจริงๆ


หะแรกอิชั้นก็ยังมองหาไอ้เจ้าเด็ก "หนมปัง" อยู่ฮ่ะ คือ...แน่ใจมาก ๆ ว่ามันคงจะเป็นหนึ่งในลูกแมวหัวหลิมพวกนี้ แต่มองยังไงก็ไม่เห็น โน่นแน่ะ ล่วงเข้าวันต่อมานั่นล่ะ อิ่เด็กหนมปังถึงออกมานั่งกระดูกโปนอยู่กับแม่

"หนมปัง..." อิชั้นลองเรียกดูจากบนระเบียงชั้นสอง ได้ผลฮ่ะ ไอ้เด็กหน้าดุตวัดสายตาบอกบุญไม่รับจิกขึ้นมาถึงบนระเบียงบ้านนี่



เออเว้ย..นี่แสดงว่าไอ้ที่มันหายไปช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่ แสดงว่ามันลงไปอยู่กับแม่แล้วก็พี่ๆ น้องๆ มันสินะ ว่าแต่..มันมีอะไรกินรึเปล่าเนี่ย

แน๊..ยังอุตส่าห์เป็นห่วงมันอีก..

ที่สุดอิ่เจ๊ก็ต้องลากสังขาร หัวฟูๆ ในชุดนอน หอบเอาถ้วยอาหารเปียกของพี่ครีม (พี่หมาที่บ้าน) ลงไปที่พงหญ้าอีกจนได้

"ปัง..หิวป่าว กินข้าวกันมั้ย" ยังไม่ทันจะถึงตัวเลยฮ่ะ แค่ส่งเสียงกับลากประตูแกร๊ก ๆ ออกไป แม่แมวกับลูกแมวทั้งสี่ก็เผ่นแน่บ...

เหลืออิ่เจ๊ยืนหัวโด่ มือนึงถือถ้วยอาหารหมา อีกมือนึงชูตะเกียบสำหรับจิ้มอาหารเปียก(เผื่อมันไม่ยอมออกมากิน) ท่ามกลางเสียงหริ่งหรีดเรไรอ๊อดแอ๊ดดด อี๊ดอ๊าดดด..พงหญ้าและเศษขยะหลังบ้าน (โรแมนติคโพดๆ)


เป็นภาพที่น่าดูซะจริงๆ (ช่างกลมกลืนกับโลเคชั่น... !!) T^T

อดทนยืนอยู่สักพัก ขณะที่สายตาสอดส่ายหาหมู่แมวไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เห็นหูลายๆ จิ๋ว ๆ ของแมวเด็กตัวนึงในรั้วเหล็กหลังบ้านน้องสาวเข้าให้

....ฮั่นแน่ะ !!...

อิ่เจ๊เดินไปชะโงกดู..


.....แฟร่รรรรร....อิ่แมวเด็กกระดูกโปนร้องทักทาย (ทักทายแน่เหร่อะ...555+??!!)

"อยู่นี่เอง..หิวมั้ยลูก..." อิชั้นเอาน้ำเย็นเข้าลูบ "..มา ๆ ออกมากินข้าวก่อนมา เจ๊มีอาหารเปียกของพี่ครีมมาให้"

....แฟร่รรรรรรรรรร....งื่ออออออ..........เสียงขู่มุมต่ำยังคงดังลอดออกมาจากกองกล่องกระดาษที่มีแมวเด็กตัวนึงหลบอยู่

เอาล่ะ เมื่อไม่ยอมออกมาก็ไม่เป็นไร..อิ่เจ๊คิดว่ามันคงจะกลัวแหละ ก็เลยวางถ้วยอาหารเปียกพี่ครีมไว้ให้ไอ้เด็กจมูกดำเห็น

"เจ๊วางถ้วยอาหารไว้ตรงนี้นะ ออกมากินนะลูก จะได้ไม่หิว"

ว่าแล้วก็วางลงตรงช่องว่างข้างหน้า แล้วก็ค่อย ๆ ถอยหลบมาแอบมองอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกองเศษไม้

ได้ผลฮ่ะ ไม่ถึงห้านาทีถัดมา อิ่หนมปังก็ค่อย ๆ คืบคลานออกมากินอาหาร (นี่แกเป็นหนอนชาเขียวเหรอยะ)


ทำตัวเป็นสาวซุ่มโป่ง ภารกิจส่องแมวกินข้าว..ฟามสามารถเท่านี้พอจะสมัครเป็นช่างภาพชีวิตสัตว์ป่าเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิคได้มั้ยฮะ ??



ในตอนหน้าเรามาดูวิธีผูกมิตรกับแมวเด็กของอิ่เจ๊กันนะคะ แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ



วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เจ้าหนมปัง ตอน เดี๋ยวก็ผลุบ เดี๋ยวก็โผล่


หลังจากที่ปล่อยไอ้เด็กตัวเหี่ยวไว้ที่ระเบียงหลังบ้าน โดยทิ้งสเบียงไว้ให้นิดหน่อย เผื่อว่ามันจะกล้าออกมากิน อิชั้นก็แว่บออกไปทำงานฮ่ะ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีแวะบอกกล่าวคุณนายของบ้านไว้หน่อยนึง ว่ามีแมวหลงมาอยู่ข้างบนตัวนึงนะ เพราะคิดว่าให้คุณนายรับรู้ไว้หน่อย เผื่อจะได้กักตัวพี่ครีมเอาไว้ข้างล่าง ไม่ขึ้นมาไล่ฟัดแมวข้างบนเข้าให้


แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นฮ่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณนายแม่ไม่อยากให้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวอยู่บนบ้าน หรือเป็นเพราะอิชั้นเปิดประตูระเบียงทิ้งไว้กันแน่ เพราะพอกลับมาจากที่ทำงาน..อิ่เด็กหลงแม่ก็หายตัวไปซะแระ...

เอาเถอะ..นาทีนั้นอิชั้นคิดว่า ก็ดีแล้ว...บางทีมันอาจจะแค่หนีแม่ออกมาเที่ยวแล้วหาทางลงจากชั้นบนบ้านของอิชั้้นไม่เจอ ในเมื่อมันหาทางลงเองได้แล้ว ก็แล้วกันไปเต๊อะ..


อิ่เด็กเหี่ยวสีเปรอะหายหน้าไปสองวันฮ่ะ...ค่ำคืนนึง ช่วงที่อิชั้นนั่งส่องเฟสชาวบ้านอยู่อย่างเมามัน จู่ ๆ หางตาก็เห็นตัวอะไรย่องตะคุ่ม ๆ มาจากใต้ตู้เสื้อผ้าด้วยฝีเท้าเงียบกริบ

"เฮ่ย...." อิชั้นอุทานอยู่ในใจ นึกว่าตัวเองตาฝาด...

...ไอ้เด็กหลงแม่ตัวนั้นนี่นา...

ป๊าดดด..อิชั้นเผลอยิ้มที่มุมปาก นึกว่ามันเหาะระเห็จลงจากชั้นบนบ้านไปเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อสองวันที่แล้วละ นี่แสดงว่ามันแค่ย้ายที่ซ่อนอย่างงั้นเหรอ

ไอ้เด็กซี่โครงบานเงยหน้าขึ้นสบตาอิชั้น แล้วก็ค่อย ๆ กรอเทปกลับ..หุหุ คือค่อย ๆ เดินถอยหลังช้า ๆ ถอยกลับเข้าใต้ตู้ไปอย่างหน้าด้านๆ

มันคงคิดว่า...ซรวยแระ อิ่เจ๊ตัวเล็กนี่ดันจับได้ซะละ ว่าตรูยังไม่ได้ไปไหน..แต่ช้าไปแล้วฮ่ะ เพราะ ณ.จุดนั้น อิชั้นได้เอาปูนป้ายหัวมันไว้เป็นที่เรียบร้อยแระ (ขออธิบายคำ่า เอาปูนป้ายหัวซึ่งเป็นสำนวนเก่าหน่อยนะฮะ เผื่อคนรุ่นใหม่ๆ จะไม่เข้าใจ เอาปูนป้ายหัว หมายถึง ตั้งเป้าหมายไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งไว้แล้วว่าจะทำอย่างไร ประมาณนี้นะฮะ)

ค่ำนั้น อิชั้นรอจนดึก...ไม่ใช่อะไรหรอกฮ่ะ คือรอจนกว่าคุณนายแม่กับพี่ครีมจะเข้านอนซะก่อน แล้วก็คว้าไฟฉายพร้อมฉีกอาหารซองของพี่ครีมลากชุดนอนลายหมีไปก้ม ๆ เงย ๆ แถวใต้ตู้นั่นล่ะ

แล้วก็โป๊ะเชะ...อิ่เด็กตัวเปรอะนั่งตัวงอหน้าตาตื่น ๆ ส่งเสียงครืด ๆ อยู่ที่มุมหนึ่งใต้ตู้เสื้อผ้านั่น

"ไง..แก ชั้นนึกว่าแกลงไปแล้วนะเนี่ย หิวป่าวล่ะ"

อิ่เด็กมอมส่งเสียงครางในลำคอดังขึ้น พลางแยกเขี้ยวแสยะฟัน ซึ่งจากประสบการณ์อันช่ำชองในการเลี้ยงแมวสองตัวถ้วนมาสองปี...อิชั้นแปลได้ทันทีว่า...มันขู่ !!

"อีกละ ขู่ชั้นอีกละ อ่ะ ขู่ก็ขู่ไป ขู่ด้วยกินด้วยก็ได้เอ้า" อิชั้นใช้วิธีเดิมก็คือเอาไม้ตะเกียบจิ้มอาหารเปียกพี่ครีมยื่นเข้าไปใต้ตู้ พัฒนากว่าเดิมเล็กน้อยอิ่ตรงคราวก่อนนั่งคุดคู้ แต่คราวนี้แม่มมม..นอนพังพาบคว่ำกับพื้นเลย 555

เหมือนเดิมฮ่ะ อิ่เด็กตัวมอมแยกเขี้ยวแฟร่ดดด..แต่ก็ยอมกินอาหารด้วยท่าทางหิวโหย แป๊บเดียวเท่านั้นล่ะ อาหารทั้งซองก็เกือบหมดถ้วย

อิชั้นปล่อยให้มันได้คลายความกลัวด้วยการทิ้งมันไว้ตรงที่เดิมฮ่ะ ตั้งใจไว้ว่าถ้าพรุ่งนี้เช้ามันยังอยู่ ก็จะผูกมิตรกันด้วยอาหารอีก....อิ่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่า เอาวะ..ในเมื่อแกหลงมาแล้วยังไม่ได้หลงไป ตราบใดที่แกอยู่บนบ้านชั้นนี่ แกก็ไม่อดตายหรอก

คิดได้ดังนั้นอิชั้นก็เข้านอนฮ่ะ.....

เช้าขึ้นมา เพิ่งจะแหกขี้ตาตื่น อิชั้นก็ไปก้มๆ เงยๆ มองหาแขกไม่ได้รับเชิญใต้ตู้ก่อนซะแระ...แต่ผลปรากฎว่า มันหายไปอีกแล้วอ่ะ คุณผู้โชมมมมม...

เฮ้อ...นาทีนั้นอิชั้นหัวใจฝ่อลงวูบหนึ่ง คือแบบว่า พยายามผูกมิตรมาสองรอบแล้วอ่ะนะ แล้วจู่ ๆ มันก็หายตัวไปอีก เดาว่าคราวนี้มันคงแอบวิ่งตามแม่ที่ลงไปเปิดร้านช่วงเช้าไปแล้วล่ะกระมัง

...ช่างมันเหอะ...ก็ใช่ว่ามันหลงขึ้นมาแล้วเราจะต้องรับเลี้ยงมันไว้ตลอดชีวิตซะเมื่อไหร่...

พยายามที่จะลืมๆ มันไปละกัน ก็อิ่แค่แมวเด็กผอมโกรกตัวนึงที่หลงขึ้นมาติดอยู่บนบ้าน แต่่การณ์กลับกลายเป็นว่า เช้าวันถัดมา ขณะเดินกวาดบ้านอยู่นั่นเอง..สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เที่ยวแอบอยู่ตรงนั้นตรงนี้ก็กลับโดดผลุงออกจากกองข้าวของทางขึ้นชั้นสามของบ้านอีก

คงไม่ต้องบอกแล้วเนอะ..ว่าใคร..หึหึ

อิชั้นเริ่มหายตื่นเต้วแล้วฮ่ะ แหม...ก็พี่เล่นเปลี่ยนที่ซ่อนเป็นรายวัน นี่ถ้าอิชั้นไม่ลุกขึ้นมากวาดบ้านก็คงไม่เจอที่แอบที่ใหม่ของมันล่ะมั๊งเนอะ คราวนี้เห็นชัด ๆ เลยฮ่ะ ว่าอิ่เด็กนินจาวิ่งปรู๊ดดเข้าไปแอบอยู่ในตู้หลังเก่าที่เปิดกระจกด้านล่างของตู้ไว้

อิ่หร็อบเดิม เดือดร้อนอิ่เจ๊ต้องลากถ้วยอาหารเอาไม้จิ้มไปป้อนมันอีก !!

ต๊ะเอาไว้มาเล่าต่อวันพรุ่งนี้นะคะ เขียนทีไร ยาวทู๊กที :)















วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ขนมปัง..ชื่อนี้แกได้แต่ใดมา


ทิ้งไดอารี่บล็อกยัยกะทิไปซะเกือบสองอาทิตย์ ไม่ใช่อะไรหรอกฮ่ะ มัวแต่ไปบูรณาการแม่โกกิกับยัยกะทิ ที่ดันเป็นหวัดรับฤดูฝนซะได้ ป้อนยากันยาวเลย..แต่ตอนนี้แข็งแรงบึกบึนกันหมดละ ก็เลยได้มีเวลามาเขียนบันทึกเรื่องไอ้หนมปังซะที

หลาย ๆ คนที่อ่านไดอารี่ยัยกะทิ คงพอจะนึกออกล่ะนะคะ (ใครนึกไม่ออกย้อนกลับไปอ่าน ตอนเดิม ๆ ได้เด้อ) ว่าอิชั้นเจอลูกแมวหลงแม่อยู่ตัวนึง..เอิ่ม อันที่จริงคงต้องบอกว่า มันเจออิชั้นมากกว่า เพราะจู่ ๆ ในเช้าวันนึง มันก็บุกขึ้นมาเยี่ยมอิชั้นถึงบนบ้าน

เล่นซ่อนแอบกับอิ่เจ๊เหรอ หึหึ..
ไอ้การที่จู่ ๆ จะมีแมวเด็กจับพลัดจับพลู ขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้านนี่ไม่ใช่ใครจะพบเจอกันได้ง่าย ๆ นะค้า ยิ่งเป็นบ้านที่มีพี่ครีม น้องหมาขาโจ๋ (โจ๋แต่ขา แต่ฟันลาโลกไปหมดแระ มีแต่เหงือก เพราะอายุอานามปาเข้าไปน่าจะย่าง 12 ขวบ) ยึดครองชั้นบนอย่างเต็มรูปแบบอยู่ด้วยแล้ว คงมีแมวไม่สักกี่ตัวหรอก ที่อยากจะหลงขึ้นมาถึงข้างบนนี่

เฮ้ย..น่ารักอ่ะ
แต่อิ่เด็กตัวเหี่ยวนี่มันขึ้นมาฮ่ะ...

ด้วยความที่มันยังเด็ก แลดูรูปทรงก้อนขี้ริ้วของมันแล้ว น่าจะอายุสักสามเดือนได้กระมัง และคงถูกไล่ตีไล่แห่มาจากบ้านอื่นจนในหัวมีแต่เรื่องร้าย ๆ พออิชั้นอยากจะผูกมิตรไมตรีด้วยสักหน่อย มันก็เลยวิ่งหนีจู๊ดดด..เข้าไปแอบอยู่ตรงกองข้าวของที่ระเบียง แถมยังขู่แฟร่ ๆ ทำท่าจะกัดอิชั้นเข้าให้...

นาท่ีนั้น ขำก็ขำ สงสารก็สงสารฮ่ะ โธ่ถัง..ตัวก็กะเปี๊ยกเท่านี้ นี่แกหลงแม่มาแต่ไหนกันล่ะนี่...

ไอ้ครั้นจะจับก็จับก็คงยังจับไม่ได้ (เพราะคงทั้งกัดทั้งข่วนอิชั้แน่ ๆ) สุดท้ายก่อนไปทำงานก็เลยตัดสินใจเอาน้ำกับอาหารเม็ดพี่ครีมวางไว้ตรงที่มันซ่อน แถมใจดีสุด ๆ ด้วยการฉีกขนมปังแผ่นๆ ที่ตัวเองปิ้งกินวางแหมะไว้ตรงทางออกของซอกเล็ก ๆ อีกหน่อยนึงด้วย....... (เอ๊ะ ก็เผื่อมันกินอาหารเม็ดไม่เป็น มันจะได้แทะหนมปังกินได้มั่งอ่ะ)

กลัวกินอาหารเม็ดไม่เป็น ก็เลยบิขนมปังแผ่นไว้ให้
ปัญหาก็คือ....ความกลัวน่าจะชนะทุกสิ่งในโลกอันโหดร้ายของอิ่แมวเด็ก เพราะจนแล้วจนรอด รอนานเป็นครึ่งๆ ชั่วโมง มันก็ไม่ยอมออกมา (อุ๊บะ๊.....พลอยทำให้อิ่เจ๊ไม่ได้เป็นอันออกไปทำงานซะที)

นึกในใจว่า หิวตายแน่แกเอ๊ยยย..นาทีนั้นอิชั้นรู้สึกสงสารปนเอ็นดูมันตงิดๆ

เอางี้ละกัน..ออกมาไม่ได้ เดี๋ยวเจ๊จัดให้

ความกลัวว่ามันจะหิวตายซะก่อน ทำเอาอิชัั้นต้องฉีกซองอาหารเปียกพี่ครีมแล้วลากถ้วยพร้อมไม้ตะเกียบมาตั้ง.... (ไม่มีอาหารแมวฮ่ะ ก็เลยจำเป็นต้องเอาอาหารหมาของพี่ครีมมาให้กินประทังชีวิตไปก่อน) ชะเง้อสบตาไอ้สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในซอกติ่งนั่นนิดนึง...แล้วก็ใช้ตะเกียบจิ้มอาหารเปียกพี่ครีมยื่นเข้าไปจนสุดปลายไม้

มอบรางวัลครีเอตีฟ..ให้อิชั้นที
"เอ้า..ไอ้ตัวเล็ก หิวป่าว กินนี่มะ อร่อยนะเฟร้ย" อิ่เจ๊ทำน้ำเสียงอ่อนหวาน (นี่อ่อนหวานแล้วเหร่อะ !!??)

นิ่ง....แล้วก็ แฟร่....

ทดลองดู เผื่อมันจะกินทางตรูดได้มั่ง !!?
"ไม่เป็นไร ชั้นไม่ทำไรแกหรอก กินหน่อยน่า นี่ไม่ได้กินอะไรมากี่วันแล้วล่ะเนี่ย" ใครส่งอิชั้นไปเป็นเซลล์ขายน้ำยาล้างส้วมที อิชั้นว่าอิชั้นมีทักษะในการอ้อนวอนคน เอ๊ย..อ้อนวอนแมวนะ


ไอ้ตัวเล็กทำจมูกฟุดฟิด ฮั่นแน่......ได้กลิ่นอาหารแล้วสิท่า กินเด่ะ ๆ ๆ (พี่คะ พี่โตแล้วนะคะ พี่ใช้ภาษาวิบัติแบบนี้ได้หรือคะ ??!! )

"กินก่อน อิ่มแล้วจะไปก็ไม่ว่า..อ่ะ...กินสักหน่อยเหอะ อร่อยน๊าาาา" อิชั้นยื่นปลายไม้จนอาหารแทบจะแตะจมูกมัน ได้ผลฮ่ะ เพราะไอ้ปากเล็ก ๆ นั่นแม้ว่าจะส่งเสียงแฟร่ออกมาเบา ๆ แต่ก็แลบลิ้นมาเลียอาหารแผล่บ....


แค่เสี้ยววินาที ด้วยความหิว..ไอ้เด็กเหี่ยวก็งับอาหารเปียกพี่ครีมเข้าไปจนเต็มคำ


...เฮ้ย..มันกินโว้ย..5555

ชิ้นแรกตามด้วยชิ้นที่สอง สามสี่ จนอาหารเปียกพี่ครีมเกือบหมดถ้วย แม้ว่าจะเริ่มเหน็บกิน กับการที่นั่งงอเข่าคุดคู้อยู่ในท่าเดิม ๆ เพื่อยื่นอาหารเสียบปลายไม้ให้ไอ้เด็กหลงทาง แต่ก็อุ่นใจที่มันยอมกินนะ


หลังจากที่ให้มันกินจนคิดว่าน่าจะอิ่มพอดูแล้ว อิชั้นก็ตัดใจจะทิ้งมันไว้อย่างนั้นฮ่ะ

ด้วยความคิดว่า เอาเหอะ..เมื่อแกขึ้นมาได้ และไม่ยอมให้ชั้นจับลงไป แกนึกอยากจะลงไปหรือออกไปจากบ้านเมื่อไหร่ก็ตามใจแกละกัน จากนั้นอิชั้นก็เปิดประตูระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างไว้ แล้วก็รีบออกไปทำงาน

เริ่มยาวแล้วแฮะ อาบน้ำไปทำงานก่อนดีกว่าเนอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังต่อนะคะ





วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หวัดรับประทานกันกลางฤดูฝน (ไข้หวัดแมว)


ไม่ใช่คนหรอกฮ่ะ มอ.แมวต่างหาก >0</

เมื่อวานนี้เล่าให้ฟังเรื่องที่อิ่เจ๊พายัยโกกิไปหาหมอเนื่องจากมันเป็นหวัดมาแล้วอ่ะนะคะ บางคนคงงง ๆ เอ๊ะ กะอิ่แค่แมวเป็นหวัด จะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรนักหนา เป็นเองได้ก็หายเองได้ แค่หวัดเอ๊งงงง..จิ๊บ ๆ

ขอบอกว่าเรื่องหวัดกับแมวนี่เป็นอะไรที่ประมาทไม่ได้เลยฮ่ะ เพราะโรค "หวัดแมว" เป็นโรคที่นอกจากจะติดต่อกันระหว่างแมวกับแมวง่ายมากแล้ว (ติดทางน้ำมูก,น้ำลาย,น้ำตา สารคัดหลั่งจากร่างกายแมวทุกชนิด แม้แต่หายใจรดกันก็ยังติด !!) ยังมีอัตราการตายที่สูงอีกด้วย เนื่องจากหากเป็นแมวที่ไม่มีเจ้าของ ก็จะมีอาการที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงขนาดร่างกายขาดอาหารและน้ำ(เนื่องจากเป็นแผลในปากจนกินอะไรไม่ได้) หลอดลมอักเสบ จนถึงขั้นพัฒนากลายเป็นปอดบวม แม้แต่แมวที่มีเจ้าของเอง หากเจ้าของไม่ได้ใส่ใจคอยสังเกตความผิดปกติของแมว ก็อาจรู้ตัวว่าแมวของตัวเองเข้าขั้นตรีฑูตเมื่อสายเกินไปแล้วก็ยังได้

ไม่ได้ขู่นะเฟร้ย..อันนี้เรื่องจริง (อิ่เจ๊ยืนยัน)

อ่ะ..กลับมาว่ากันต่อเรื่องยัยโกกิ หลังจากพาโกกิไปหาหมอแล้วก็ถูวินิจฉัยว่าเป็น ไข้หวัด แน่นอนแล้ว ยัยโกกิก็โดนฉีดตรูดมาสองเข็มฮ่ะ เข็มนึงรักษาอาการอักเสบ และอีกเข็มนึงฆ่าเชื้อ ส่วนตัวยาก็มีสามตัว เป็นยาแก้หวัด 1 ยาฆ่าเชื้อ 1 ส่วนอีกตัวก็เป็นยาละลายเสมหะ


ส่วนยัยกะทิ แม้จะไม่มีอาการ กินได้ดีเป็นพายุบุแคม ว่างเป็นหลับขยับเป็นกิน เป็นที่น่าชื่นใจต่อผู้พบเห็นตลอด ๆ นั้น ก็ไม่พ้นกับการต้องกินยาแก้หวัด 1 ตัวเช่นกันฮ่ะ เนื่องจากสองพี่น้องนี่ หลับเกยกันตลอด คือ โกกิมีอาการหวัดมาเป็นอาทิตย์แระ จะจับแยกตอนนี้ก็คงไม่ทันละล่ะ ทางเลือกก็คือ ก็ให้อยู่ด้วยกันนั่นล่ะ แต่กินยาไปพร้อม ๆ กันซะทีเดียว

โกกิน่าสงสารค่ะ เข้าใจว่าหิวล่ะ แต่เจ็บคอ มีเสลดพันคอ ก็เลยกินอะไรไม่ค่อยได้ เมื่อวานซึ่งเป็นวันที่สองของการป้อนยาเด็กป่วย ก่อนเข้าออฟฟิศ อิ่เจ๊ก็เลยแวะซื้อ "ต้นไผ่เงิน" เอามาให้แทะเล็มเพื่อให้โกกิสำรอกเสลดออกมาได้บ้าง..

พอเอาไผ่เงินมาตั้งในออฟฟิศป๊าบ....ฝูงแมวซอมบี้ก็มารุมล้อมทันทีฮ่ะ


ต้นไผ่เงินนี้เป็นหนึ่งในต้นไม้ใบหญ้าที่แมวชอบกินและดีต่อสุขภาพแมวฮ่ะ ใครที่ขี้เกียจปลูกข้าวสาลีออแกนิกซ์ที่กำลังโด่งดังให้แมวกินบ่อย ๆ ก็เลือกซื้อมาสักต้นสองต้น มีดินก็ลงดิน ไม่มีดินก็ลงกระถาง ที่สำคัญก็คือให้โดนแดดบ้าง ให้น้ำประจำ เมื่อมันแตกกอใหญ่ก็สามารถแบ่งเป็นกอเล็ก ๆ ปลูกลงกระถางอื่นๆ ได้ แมวชอบกินมากอ่ะ ขนาดโกกิเจ็บ ๆ คออยู่ ยังแดร่ก...ยังกะเป็นหมีแพนด้าซะรอบวง


ยัยโกกิกินเอา ๆ สักพักก็หลบไปนอนแอ้งแม้งแล้วก็....."ขย้อน" เอาใบไผ่ที่จับเสมหะในลำคอออกมาดังภาพที่แสดงข้างล่างนี้ (เหมือนเขียนรายงานส่งคุณครูตอน ม.1 เลยเนอะ 5555+)


อิ่เจ๊ไม่รอช้าฮ่ะ รีบคว้ากระดาษชำระไปโกยทิ้ง เช็ดให้แห้งแล้วหยอดยาฆ่าเชื้อโรคลงไปจึ๋งนึง (จริง ๆ เป็นเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคของอิ่เจ๊ที่อิ่เจ๊พกไปเอง)  เช็ดถูเป็นวงกลมบริเวณนั้น หวังไว้ในใจว่า การเช็ดถูเป็นวงกลม จะทำให้เชื้อโรคที่ออกมาพร้อมเสลดมึนงง หมดฤทธิ์ที่จะติดต่อกับแมวตัวอื่นๆ โดยเฉพาะยัยกะทิต่อไป

พอขย้อนเอาเสลดออกมาได้บ้างปั๊บ โกกิก็เริ่มกินข้าวได้ฮ่ะ..


คงเหมือนนคนแหละเนอะ เจ็บคอ มีเสลด เป็นไข้ ขรี้ไม่ออก(อันหลังนี่อิ่เจ๊ละ) พอได้กินยา ได้ตัวช่วยที่ทำให้คอโล่งขึ้น ก็หิว..อยากกินขึ้นมาทันที

กินเสร็จพี่หน่องก็มาพอดี..ผลเหรอคะ หึหึ..ไปอ้อนพี่หน่องซะงั้น (พี่หน่องรักค่ะ กอดรัดฟัดเหวี่ยง จุ้บ ๆ กันทุกวัน)


มีการแอบไปนอนด้วยเป็นพัก ๆ .. คิดว่าคงพยายามฝันถึงเลขเด็ดเอามาบอกอิ่เจ๊เพื่อเป็นค่าหมอ


โถ...ลำตัวซูบผอมเป็นก้อน ๆ เชียว น่าสงสารนิ...(ใช่เหรอ).... T^T

ตอนนี้ก็ต้องอาศัยพี่ ๆ ที่ออฟฟิศช่วยกันป้อยยาค่ะ อิ่เจ๊กังวลมากหน่อย เพราะกรงของกะทิกับโกกิไม่ค่อยจะพ้นละอองฝนชื้นๆ เลย ขนาดอยู่ใต้ตึกมีหลังคาคลุมตลอดนะคะนี่ แต่เนื่องจากที่ตึกเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่มีใต้ถุนสูง ดังนั้นอาคารหลังนี้ก็เลยมีลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา ยิ่งช่วงไหนฝนตก ลมจะแรงเป็นพิเศษ และไอ้ลมนี่ล่ะที่พัดเอาละอองเล็ก ๆ ของฝนเข้ามาใส่กรงด้วย ก็ได้แต่พยายามหาวิธีกันฝนให้ เวลาฝนตกก็เที่ยวโทร.บอกลูกน้องที่อยู่โยงเฝ้าตึกให้คอยดูว่าละลองฝนถึงกรงมั้ย หาอะไรต่อมิอะไรมาปิดกรงให้ สงสัยวันนี้คงต้องเพิ่มมาตรการให้ความอบอุ่นกันใหม่ เพราะอาการเย็นลงทุกที

แล้วจะเก็บภาพกีฬามัน ๆ วันเป็นหวัดของยัยโกกิมาฝากกันใหม่นะคะ

เจอกันกับไดอารี่บล็อกยัยกะทิคราวหน้าค่ะ





วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เมื่อโกกิเป็นหวัด


เท่าที่จำความได้ ตั้งแต่ยัยโกกิมาอยู่ด้วยกันนี่ นี่เป็นหวัดที่สองของยัยตัวดีแล้วฮ่ะ

ครั้งแรกเมื่อตอนมาอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ ก็ราว ๆ สักหนึ่งขวบปีก่อนได้ ระหว่างที่โกกิอยู่ในช่วงกักกันโรค (เวลาเอาแมวใหม่เข้ามาในบ้าน ต้องพยายามทำวัคซีน+กักโรคไว้สักระยะก่อนเอาไปรวมกับแมวเก่าของเรานะคะ เพื่อให้แน่ใจว่า แมวใหม่จะไม่เป็นพาหะนำเชื้อโรคต่างๆ มาติดแมวที่เลี้ยงในระบบปิดของเราอีกทอดหนึ่ง) ยังไม่ทันจะได้เอาไปรวมกับพี่กะทิในกรงเลย เช้าวันนึง......อิ่เจ๊ก็สังเกตุว่าโกกิไอ...

คราวนั้นโกกิยังเล็กฮ่ะ สักสามเดือนหน่อย ๆ ได้มั๊ง พอรู้ตัวน่าจะติดหวัด อิ่เจ๊ก็เผ่นแน่บพาโกกิไปหาหมอ ก็พี่หมอตูนที่เปิดคลินิคอยู่หน้าตึกแหละ ซึ่งแน่นอนว่า คราวนั้นต้องกินยากันเป็นแรมเดือน แถมยังต้องขังกรงแยกกับพี่กะทิจนกว่าจะหายดีซะอีกด้วย เพราะไอ้เจ้าไข้หวัดของแมวตัวนี้ติดกันได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะทางลมหายใจ,อาหารการกิน,น้ำมูก,น้ำลาย,น้ำตา เรียกว่าเดินเฉียดกันแค่หน่อยนึงเชื้อไวรัสก็กระโดดเกาะขาหน้าของอีกตัวได้ละ T^T (อุปมาคล้ายอีโบล่าแมวยังไงยังงั้น แต่ดีที่รักษาได้ อัตราการตายต่ำกว่าหลายร้อยเท่า)

เค้าป่วยแหละตะเอ๊งงงง....

คราวนี้อาการหวัดมันกลับมาอิ่ตอนหน้าฝนตกชุกๆ พอดีฮ่ะ ด้วยความที่กรงของสองสาวอยู่ใต้ตึก ดังนั้น จึงมีลมพัดผ่านค่อนข้างแรง แถมบางช่วงที่ฝนตกอิ่เจ๊สันนิษฐานว่า คงจะมีละอองฝนปลิวตามแรงลมมาใส่กรงบ้างล่ะ ผลหรือคะ..ยัยโกกิที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแมวที่บึกบึนที่สุดในบ้าน ป่วยเป็นไข้หวัดซะจนได้

ตอนแรกอิ่เจ๊ก็ไม่แน่ใจหรอกฮ่ะ แม๊....ก็มีอย่างเหรอ..เลี้ยงระบบปิดแท้ ๆ ไอ้ไข้หวัดตัวดีมันจะตะกายมาจากไหนฟระ แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองที่เพิ่งป้อนยาถ่ายพยาธิให้สองสาวกันไป ซึ่งแทนที่จะทำให้กินเก่งอ้วนพีขึ้น ยัยโกกิกลับกินน้อยลง ๆ ๆ แถมซึมลง ๆ ๆ ซะอย่างนั้น ต่างกับพี่กะทิ ที่กินเป็นพายุบุแคม กินแบบทำลายล้าง กินแบบแอดว้านซ์ขั้นสูงสุด >.<

อิ่เจ๊ก็พยายามคิดในแง่ดีฮ่ะ ว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ของยาถ่ายพยาธิกระมัง มันคงเบื่ออาหารไป 2-3 วัน แต่จนแล้วจนรอด 4 วันก็แล้ว 5 วันก็แล้ว มันก็ยังกินน้อยเช่นเดิม แถมหนักข้อเข้าไปใหญ่ตรงที่ปกติจะมาเล่นนัวเนียกับอิ่เจ๊เป็นประจำ กลับหมางเมินเหมือนโกรธกันเรื่องอิ่เจ๊ปันใจไปให้แมวจรหลังบ้าน (จริง ๆ ตั้งใจจะเล่าเรื่อง "ไอ้หนมปัง" ต่อฮ่ะ แต่เอาไว้ก่อนเนอะ)

หนูซึมนะเจ๊...ไม่ได้ง่วงอย่างที่เจ๊เข้าใจอ่ะ !!

เมื่อวานนี้อิ่เจ๊เพิ่งแน่ใจอ่ะ ว่าโกกิมันโดนหวัดแดร่กเข้าให้แล้ว สถานการณ์การรับรู้ก็ไม่มีไรมากฮ่ะ ด้วยความที่กังวลเรื่องโกกิซึม กินน้อยอยู่ ก็เลยพยายามสั่งลูกน้องที่ตึกให้คอยสังเกตอาหาร ไม่ค่อยกินอาหารก็เที่ยวไปหาไข่ต้มมาบิเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้กิน ลูกน้องก็ดีใจหาย..ช่วยดูแลให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ปัญหาก็คือ ก่อนหน้านั้นมันไม่มีอาการที่ส่อว่าจะเป็นหวัดให้เห็นชัด ๆ ไอก็ไม่ไอ ตาก็ไม่แฉะ (แต่อิ่เจ๊สังเกตเห็นขอบตามันแดง ๆ ปริ่มๆ น้ำตามาตั้งแต่วันก่อน) ลูกน้องก็เลยบอก..ไม่เป็นไรม้างงง..พี่แหม่ม มันคงเบื่ออาหารเฉยๆ แหละ

แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น.....เช้าวันก่อนอิ่เจ๊เข้าออฟฟิศไวกว่าปกติเล็กน้อย และเดินไปไขกุญแจจะพาสองสาวเข้าออฟฟิศมากินข้าว มาวิ่งเล่นเหมือนเคย แต่พอไขกุญแจเท่านั้นล่ะ ยัยโกกิที่นอนเอาคอพาดตะกร้าอยู่ในกรง ก็หันมาสบตาด้วยแววตาตัดพ้อ

จากนั้น...ภาพเก่า ๆ ที่เคยเห็นเมื่อปีก่อนโน้นก็กลับมาอ่ะ....

โกกิมันไอ !!!....(หนูเปื่อย ๆ เห็นป่ะ หนูไอ หนูไอ !........เหมือนโกกิมันจะบอกงั้น)

ให้ตายดิ่..เหมือนมันจะตั้งใจไอให้อิ่เจ๊เห็น เพราะมันหันมาสบตา แล้วส่งเสียง "ครึิด ครึ้ดดด...ครึก ครึกก.." อยู่ในลำคอเหมือนเด็กมีเสลดและเป็นหวัด...ส่งผลให้อิ่เจ๊ยืนสตั๊นไปสามวิ ก่อนจะรีบคว้าตัวยัยกะทิออกจากกรงไปโยนไว้ในออฟฟิศ ล็อกกุญแจห้อง แล้วกลับมาคว้ายัยโกกิอุ้มขึ้นบ่าวิ่งแน่บไปหาหมอตูนที่คลินิกหน้าบ้าน

"หมอคะ...พี่สงสัยว่าโกกิมันเป็นหวัด" หมอตูนมองหมูขนสีขาวที่ถูกอุ้มพาดบ่าด้วยสีหน้างง ๆ

"อาการมันเป็นไงคะพี่"

"มันไอค่ะ (ข้อนี้เจ๊แน่ใจ !) ไม่ค่อยกินข้าวมา 4-5 วันละ ตอนแรกนึกว่าเพราะป้อนยาถ่ายพยาธิ (ข้อนั้นอิเจ๊ไม่ค่อยมั่นใจ) ก็พยายามจับตาดู แต่ผลปรากฎว่าเมื่อวานขอบตามันเริ่มแดง ๆ ซึม แล้วก็ไอด็อกแด็กเมื่อตะกี้นี้อ่ะ"

หมอตูนรับตัวโกกิจากบ่าเข้าไปวางบนโต๊ะตรวจไข้ คลำดูหลอดลมโกกิแป๊บนึง ซึ่งไอ้เจ้าโกกิก็ทำท่าขย้อนไอให้เห็น...เรียกว่าโชว์ออฟอาการเต็มที่ งานนี้หมอตูนก็เลยถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันมาบอกอิ่เจ๊ว่า

"หลอดลมอักเสบค่ะ ถ้าลงปอดก็จะกลายเป็นปอดบวม อันตรายนะคะ นี่ก็เรียกว่าเป็นหวัดล่ะ เดี๋ยวหมอฉีดยากับให้ยาไปกินนะคะ พี่แหม่มต้องแยกกะทิกับโกกินะ ไม่งั้นกะทิจะติดด้วย"

ครือออ..น้องหมอคะ มันอยู่ด้วยกันมาเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ กินด้วยกัน นอนด้วยกัน เกือบ 24 ชั่วโมง กะทิยังปกติดีทุกอย่าง ถ้ามันติดป่านนี้มันคงติดไปแล้วมั๊งคุณหม๊อออ...

"หรือถ้าไม่แยกก็ต้องคอยสังเกตอาการค่ะ ว่าติดด้วยมั้ย จะได้เอามาหาหมออีกตัว"

"คงแยกลำบากค่ะ เพราะไม่มีอุปกรณ์สำรองสำหรับแยกกรงเลย ขังรวมได้มั้ยคะ แล้วขอยาแก้หวัดหมอไปให้กะทิด้วย"

"แต่ถ้าไม่มีอาการ กินยาไปก็เปล่าประโยชน์นะคะ" เฮ้ย..หมองกโว้ย ไม่ยอมจ่ายยาสำหรับกะทิด้วย อิ่เจ๊หน้าบูดเป็นตรูดลิง ปานประหนึ่งเสี้ยนยา(แก้หวัด)ซะเอง

"ยาแก้หวัดแบบที่เคยให้กะทิกินกันไว้คราวก่อนก็ได้ค่ะ" อิ่เจ๊ตื๊อ..

"อือ์ม..ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวจ่ายยาแก้หวัดให้กะทิกินตัวนึง ส่วนโกกิ เดี๋ยวหมอฉีดยาฆ่าเชื้อให้เข็มนึง ยาแก้อักเสบอีกเข็ม แล้วก็มียาละลายเสมหะกับยาฆ่าเชื้อ,ยาแก้หวัด ไปให้กินครบชุดนะคะ"

สรุปว่างานนี้อิ่เจ๊โดนไป 500 บาทขาดตัวฮ่ะ.....จริง ๆ แล้วไม่ได้ยี่หระเรื่องเงินหรอก พอมีจ่ายอยู่แล้วสำหรับเรื่องแบบนี้ แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของมันเท่านั้น โชคดีที่มีคลินิคหมอมาตั้งหน้าบ้าน ไม่งั้นคงได้เผ่นแน่บพาแมวเข้าเมืองกันแบบทุลักทุเลแน่ๆ

ยาวแระ.....เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อตอนหน้านะคะ..วันนี้ขออาบน้ำไปดูอาการสองแสบก่อนค่ะ ว่าเป็นไงบ้าง เย็น ๆ จะกลับมาอัพเดทอาการให้ฟังนะคะ

ปล.1 ผลของการป่วยในครั้งนี้ทำให้อิ่เจ๊รู้ น้ำหนักตัวโกกิเป็นครั้งแรก...โกกิหนัก 4.1 กิโลกรัมนะคะ คาดว่า น้ำหนักตัวคงลดลงบ้างแหละ เพราะกินข้าวน้อยลงมาเป็นอาทิตย์ T^T ไม่เป็นไร เดี๋ยวหายแล้วเจ๊ขุนใหม่ก็ได้เนอะ

ปล.2 เจ้าไอซ์และเจ้าหน่อง ถ้าเข้ามาอ่าน อย่าลืมป้อนยาน้องด้วยนะ สั่งมันตรงนี้ดื้อ ๆ เลยแหละ 5555+




วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หนมปัง..ไอ้เด็กหน้าแด่น ตอน หลงมาแต่ไหน


ชีวิตคนก็เหมือนกับกังหันนั่นแหละเนอะ..เราไม่รู้หรอกว่าลมมันจะมาทางไหน...

...........

i'm not superman

....................................

ก่อนจะเล่าเรื่องไอ้เด็กหน้าแด่น ที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่พรวดเขัามาในชีวิตอิ่เจ๊ อิชั้นขอเล่าย้อนหลังไปเมื่อเดือนที่แล้วก่อนนะฮะ

หลาย ๆ คนที่ติดตามอ่านไดอารี่ยัยกะทิและเป็นเพื่อนกันอยู่ใน แฟนเพจ อาจจะพอรู้มานิด ๆ หน่อย ๆ ว่านอกจากอิ่เจ๊จะเลี้ยงสองแสบไว้เป็นแมวที่ออฟฟิศให้ปวดหัวเล่นแล้ว อิ่เจ๊ยังมี "พี่ครีม" น้องหมาพูเดิ้ลฟันหลอ อายุอานามราว 12 ขวบไว้เป็นขวัญถุงของบ้านอีกตัวหนึ่งด้วย


เช้าวันนึงในช่วงหลายอาทิตย์ก่อน ชีวิตอิ่เจ๊ก็ดำเนินไปตามปกติฮ่ะ คือตื่นมาเตรียมจะชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง แล้วก็ลากหัวฟู ๆ มานั่งเขียนบล็อกก่อสร้างอยู่ที่โต๊ะทำงานกลางบ้าน ผลปรากฎว่าพอย่างเท้าออกมาจากห้องนอนพร้อมพี่ครีมปั๊บ ก็เห็นเงาอะไรแว้บ ๆ วิ่งผ่านสายตาไปไว ๆ !!

คุณพระ หนูอะไรตัวใหญ่ขนาดนั้น !!?? หะแรกอิ่เจ๊ก็คิดแบบนั้นฮ่ะ แต่พอตั้งสติขยี้หูขยี้ตาให้หายงัวเงียอีกที อิชั้นก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่หนูแล้วล่ะ แต่นั่นมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า "แมววววว...."

เฮ้ย..แมวขึ้นบ้าน !!

อิ่เจ๊ร้องใหม่ด้วยอาการงง ๆ ฮ่ะ..ปกติบ้านนี้เมืองนี้ เปิดประตูที่กั้นระหว่างชั้น 1 กับชั้น 2 ไว้ตลอดเผื่อพี่ครีมจะลงไปทำธุระส่วนตัวแล้วขึ้นมาหาอิ่เจ๊เป็นประจำก็จริง แต่ก็ไม่เคยเห็นแมวตัวไหน ริอ่านลักลอบขึ้นมาบนบ้าน พร้อม ๆ กับความประหลาดใจนั้น อิ่เจ๊ก็เห็นเงาตะคุ่ม ๆ เล็ก ๆ เงานั้นวิ่งพรวดออกไปทางระเบียงหลังบ้าน

ไม่พูดพร่ำทำเพลงฮ่ะ อิ่เจ๊รีบเดินไปชะโงกดูทันที......ภาพที่เห็นก็คือ ลูกแมวผอมโกรกสามสีตัวหนึ่ง อายุอานามน่าจะ 2-3 เดือนได้มั๊ง ขู่อิ่เจ๊แฟร่ด..แฟร่ด..แล้วก็ทำขนลุกขนพองหางจุกลุกลี้ลุกลนหาทางออก

ปัญหาของมันก็คือ...ระเบียงอิชั้นไม่มีทางออก (เป็นไงล่าาา..555+)

เนื่องจากระเบียงหลังบ้าน เป็นระเบียงที่อิชั้นกรุตาข่ายกันนกพิราบเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นกมันดอดมาทำรังหรือมาขรี้ใส่ระเบียงบ้าน และใช้ระเบียงส่วนนี้ในการตากผ้ามั่ง วางสิ่งของไม่ต้องประสงค์มั่ง ดังนั้น ทางออกเดียวของไอ้แมวหยองกรอดตัวนี้ก็คือ ไอ้ทางที่มันเข้ามานั่นล่ะ !

อิ่เจ๊ตื่นเต้นฮ่ะ...รีบผลุบเข้ามาด้านในห้องโถง แล้วคว้ามือถือจะเอาไปถ่ายรูป แหม...แขกมาถึงเรือนชานทั้งที ขอถ่ายรูปีไว้เป็นหลักฐานหน่อยเหอะ แต่เหมือนจะช้าไป..เพราะพอโผล่กลับไปอีกที ไอ้ลูกแมวตัวดีตัวนั้นมันก็หายไปซะแระ !!??

เอ๊า..หายไปไหนวะ..อิ่เจ๊รู้สึกเหี่ยว ๆ ในใจ แหม.....ก็นานๆ ครั้งหรอกน่ะ ที่จะมีลูกแมวหลงเข้ามาให้ตื่นเต้นบนบ้านได้แบบนี้ หาไปหามาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ก็เลยอนุมานว่า ระหว่างที่มัววิ่งไปหยิบมือถือจะมาถ่ายรูป มันคงอาศัยจังหวะนั้น แปลงกายเป็นสไปเดอร์แมว ปีนออกไปทางใดทางหนึ่งแล้วแหละ

เสียดายก็เสียดายอ่ะ แต่อีกทางหนึ่งก็โล่งใจ ที่ลูกแมวไม่ต้องเปิดศึกพะบู๊กับพี่ครีม ซึ่งแน่นอนว่างานนี้พี่ครีมตกเป็นมวยรองแน่นอน เพราะนอกจากจะเริ่มหูตึงสายตาไม่ค่อยจะดีแล้ว ฟันฟางยังไม่มีกะเค้าอีกด้วย T^T อย่ากระนั้นเลย แกมาทางไหนก็ไปทางนั้นก็เรียกว่าถูกแล้ว

แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นฮ่ะ....เพราะเช้าวันถัดมา ขณะที่อิ่เจ๊มัวขี้ตาจะออกไปกวาดระเบียงหลังบ้านตามปกติ อิ่เจ๊ก็เจอเข้ากับกอง "ขรี้หมา" ก้อนเล็ก ๆ เข้ากองหนึ่ง...



"ไอ้นั่นมันตัวอัลไล" อิ่เจ๊เขม้นสายตามองให้ชัด ๆ อ่ะ...

เฮ้ย..แม๊ววววว.... นี่มันไอ้ลูกแมวตัวเมื่อวานนี่หว่า..

คราวนี้อิ่เจ๊ไม่กระโตกกระตากให้เสียฟอร์มฮ่ะ แต่รีบผลุบเข้าไปหยิบมือถือมาถ่ายรูปเร็วรี่ ถ่ายได้แชะเดียว ชะรอยไอ้หยองกรอดตัวนั้นมันคงจะได้ยินเสียงฝีเท้าอิ่เจ๊ล่ะมั๊ง เพราะมันรีบลุกพรวดพราดเผ่นแน่บเข้าไปแอบอยู่ในซอกกองของไม่ต้องประสงค์ที่มุมระเบียงอย่างว่อง !!

ฮั่นแน่ !!! เมื่อวานแกแอบอยู่ในกองของตรงนี้ชิมิล่าาาา...อิชั้นแอบฮาในใจอ่ะ

ด้วยความที่อยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง อิ่เจ๊ก็เลยเดินตามไปส่องรูปมาให้ดูอ่ะ




เฮ้ยยยย...น่ารักว่ะ.. >.< ♥♥♥...♥♥♥

เดี๋ยวแปะรูปไว้ให้ดูเรียกน้ำย่อยไปก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะมาเขียนบันทึกเพิ่มเติมต่อ...วันนี้สายแย้ว ต้องรีบอาบน้ำไปทำงานแล้วอ่ะ แล้วพบกันได้ใหม่พรุ่งนี้นะคะ....

สดชื่นแจ่มใสทั้งวันกันทุกคนเลยค่ะ.... :)



วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

DIY.ที่ให้อาหารแมวจากขวดน้ำพลาสติก


เฮือกกก..ช่วงนี้อากาศอึมครึม ฝนตกทุกวันเลย นอกจากจะทำให้สองแสบออกมาเดินเล่นนอกออฟฟิศไม่ได้กันบ่อยๆ แล้ว บางครั้งพวกอาหารเม็ดที่ใส่ไว้ให้ในกรง ก็โดนความชื้น+ละอองฝนที่ปลิวๆ  มาตามลมทำให้หายกรุบกรอบน่ากินอีก อย่ากระนั้นเลย วันนี้เราจะไปคุ้ยขวดพลาสติกที่ใส่น้ำดื่มมาทำเป็น ที่ให้อาหารแมว ด้วยวิธีง่าย ๆ กันดีกว่าเนอะ


ก่อนอื่นก็นี่เรา เราต้องไปหาวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้กันมาก่อน ซึ่งก็มีแค่สองอย่างเท่านั้นล่ะ ได้แก่

  1. ขวดน้ำ,ขวดนม พลาสติกทรงเหลี่ยมฝาเกลียว ขนาดเดียวกัน (ขวดกลางๆ ประมาณ 2 ลิตร) 2 ใบ
  2. กรรไกร,มีดคัตเตอร์
เมื่อพร้อมแล้วก็มาลงมือทำกันได้เลย

  1. เจาะขวดน้ำใบที่ 1 เป็นรูกลม ๆ บริเวณด้านบนของขวด กะขนาดรูให้พอดีกับการเอาปากขวดอีกใบใส่เข้าไป (ภาพที่ 1) ส่วนบริเวณด้านล่างของขวด ก็เจาะให้มีลักษณะเป็นถาด (ภาพที่ 2) ตามภาพตัวอย่าง
  2. นำขวดใบที่สองมาตัดแบ่งครึ่ง จากนั้นนำเอาอาหารใส่เข้าไปภายในขวดท่อนล่าง แล้วใช้ขวดท่อนบนสวมครอบทับปิดลงไปให้แน่น ถอดฝาเกลียวออก
  3. นำขวดที่บรรจุอาหารขวดที่ 2 มาสวมบริเวณปากขวดลงไปในรูกลมที่เจาะไว้บนขวดใบที่ 1 ตามภาพตัวอย่าง (ภาพที่ 6) เพียงเท่านี้เราก็จะได้ถาดใส่อาหารสุดประหยัดให้เจ้าตัวแสบที่บ้านกันละ ที่สำคัญ นอกจากจะใช้งานได้จริงแล้ว ยังจะช่วยรักษาความกรอบของอาหารเม็ดให้อยู่ได้นาน ๆ โดยไม่ต้องกังวลกับความชื้นในอากาศเหมือนที่ผ่านมาอีกด้วยนะคะ




วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เกี่ยวก้อยกันเถิดดด...


เดี๋ยวนะ..ก่อนจะเขียนไดอารี่ยัยกะทิ อิชั้นสงสัยว่า ไอ้ชื่อหัวไดอารี่วันนี้มันเกี่ยวอัลไลกับเนื้อเรื่องฟระ..ครึ ครึ..


ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ชีวิตอิ่เจ๊ก็ยังคงหมุนวนเวียนเทียนกันไปเป็นปกติฮ่ะ นอกจากงานการเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยไปดูแลทุกวันแล้วก็มีเด็กแสบที่ตึกนี่แหละ ที่เป็นห่วงรัดคอ ไม่ให้ไปไหนได้ไกลมาก เพราะนอกจากจะต้องไปดูแลให้อาหารเปียกสองแสบช่วงบ่ายเองแล้ว ช่วงหลายวันหลังนี่ สองแสบยังได้รับอนุยืดให้ออกมาเดิน วิ่ง เป็นลิงเป็นค่างนอกออฟฟิศวันละพักนึงด้วย


แต่การจะปล่อยสองแสบออกมานั้น ไม่ใช่ว่าจู่ๆ นึกอยากจะปล่อยก็ปล่อยนะฮะ ก็อย่างที่เคยบอกไว้ในไดอารี่หน้าก่อนๆ ว่าปกติแล้ว สองแสบเองนั้นไม่เคยออกมาเล่นนอกออฟฟิศตามลำพังโดยไม่มีสายจูง (เคยทดลองช่วงแรกๆ ที่รับตัวกะทิมาฮ่ะ แต่ไม่ไหว ตามจับไม่ไหว แก่แล้วก็งี้ วิ่งไม่ทันหมาแมวแล้วแหละ) เนื่องจากกลัวว่าคุณเธอจะเล่นเพลิน ไม่ยอมให้จับกลับเข้ากรง แถมยังเกรงว่าจะโดดดึ๋งๆ ไล่ตามนก ตามจิ้งจก กิ้งกือเข้าไปในบริเวณตึกหรือบ้านคนอื่น แล้วก็หายจ้อยไป จะด้วยตัวเองหรือน้ำมือของคนที่อุ้มไปก็ไม่รู้แหละ ดังนั้นทุกครั้งที่สองแสบได้ออกมาเดินนอกออฟฟิศ มันก็จะต้องมีเชือกร่มเส้นเล็ก ๆ ผูกจูงเอาไว้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันเหตุการณ์อันไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น..


แต่ไม่ต้องปริวิตกไปฮ่ะ สายจูงที่อิ่เจ๊ผูกสองแสบก่อนพาเดินเล่นนั้น ต้องบอกว่ายาวมาก..ยาวเกือบถึงสุไหงโกลกกันเลยทีเดียว แถมวิธีจูงก็ต้องมีเทคนิคด้วยนะฮะ คืออิ่เจ๊จะปล่อยเชือกจูงให้ทอดยาวตามความจำเป็น เช่น...เวลาสองแสบคึก..นึกอยากจะวิ่ง...(ซึ่งแน่นอนว่าอิ่เจ๊เองก็คงจะใส่ติงหมาตามติงแมวไม่ทันอยู่แระ) ...อิ่เจ๊ก็จะปล่อยเชือกให้ทอดยาวเท่าที่มันอยากวิ่ง และด้วยความที่เชือกสายจูงมันยาวมาก (คะเนด้วยสายตา น่าจะยาวประมาณ 15 เมตรได้ !!) กะทิและโกกิ จึงวิ่งสนุกได้ตามใจชอบ ซึ่งก็นะ...มันวิ่งกันไม่ไกลหรอก อย่างมากก็วิ่งไปจนเกือบจะสุดสายจูง แล้วก็หยุดกึ้ก..หันมามองอิ่เจ๊ด้วยความสงสัย ว่าทำไมอิ่เจ๊ไม่ตามหนูวะ ?? แล้วก็หันหลังกลับ เดินนวยนาดมาเอาตัวสีๆ ขาอิ่เจ๊ใหม่ เดาเอาว่านอกจากอิ่เจ๊จะกลัวมันหายแล้ว..มันคงกลัวอิ่เจ๊หายด้วย หึหึ..โดยเฉพาะกะทิ ซึ่งเมื่อก่อนนี้พอได้ออกจากออฟฟิศทีไร แม่มมม...สนุกจนลืมโลกทุกที คือมันพยายามจะหนีไปเที่ยวตึกข้างๆ ประจำอ่ะนะ แถมวันไหนที่บังเอิญหลุดออกไปนอกออฟฟิศได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะจับตัวกันได้ง่ายๆ เลย แล้วคิดดู..ว่าไอ้การไล่จับแมวที่มีสี่ติงแถมโกยแน่บได้ไวยิ่งกว่าลิงอ่ะ มันจะยากแค่ไหน วิธีการป้องกันปัญหานี้ก็คือ อย่าปล่อยให้มันหลุดออกไปได้เป็นอันขาด (เด็ดมะ ? T^T) คืออิ่เจ๊และผู้คนในหมู่ออฟฟิศเข็ดแล้วอ่ะ..หลุดกันที T25 ไม่จำเป็นกันเลยทีเดียว....


แต่ช่วงหลังๆ นี่กะทิทำตัวน่ารักมากฮ่ะ แม้ว่าจะมีสายจูงยาวๆ คอยผูกคออยู่ ไม่ให้เตลิดไปไหนโดยควบคุมไม่ได้ และแม้ว่าอิ่เจ๊จะตามใจให้วิ่งไกลๆ ได้ตามใจชอบ แต่ทุกครั้งที่ได้ออกมาเดิน กะทิก็จะเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย เห็นขนนกตกอยู่ก็วิ่งงงง..ไปเล่น ทิ้งตัวลงนอนเกลือกพื้น กลิ้งไป กลิ้งมา นอนอาบแดดเหมือนแมวชาติตะวันตก (ประมาณชาติหน้าขนแกถึงจะขึ้นเป็นสีแทนได้อ่ะนะ) วิ่งไปเล็มหญ้าหลังตึก (มโนไปว่าตัวเองเป็นวัว) ไล่นก ตกแมงปอ แต่พอสนุกจนพอใจสักพัก ก็จะวิ่งกลับมาให้อิ่เจ๊ลูบเนื้อลูบตัวให้ แล้วก็เอาตัวสีๆ กลิ้งๆ แทบเท้าเจ๊ ท่าทางมีความสุขมากๆ อ่ะ เห็นแบบนี้แล้ว อิ่เจ๊ก็ยอมดำสุดชีวิต คือต้องพาออกเดินท่อมๆ กลางแดดสี่โมงเย็นเกือบทุกวัน (ที่อิ่เจ๊เข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิร์ลไม่ทันก็เพราะบ่มผิวไม่ทันนะ..เข้าใจตามนี้นะ กร๊ากกก..) สถานการณ์ความดำก็เลยเข้าขึ้นตึงเครียดเข้าไปทุกที


ส่วนยัยโกกิ เปรียวกว่ากะทิเล็กน้อยฮ่ะ คือคุณเธอชอบที่จะเดินเล่นล่ะ แต่ไม่ยักกะใส่ใจอิ่เจ๊นัก คือเมื่อตรูได้ออกมาเดิน โลกทั้งใบก็เป็นของตรู..อิ่เจ๊ไม่เกี่ยว !! นึกอยากจะวิ่ง พี่ก็วิ่ง นึกอยากจะมุดพี่ก็มุด คือนอกจากพี่จะเป็นแมวแล้ว พี่ยังเป็นนินจาด้วยป่าวคะ..แต่ก็เอาเหอะ ใช่ว่าจะได้ออกมาเดินเล่นกันได้บ่อยๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ จะมุด จะวิ่ง จะดื้อยังไงเจ๊ก็ยอม ขอแค่เอร็งได้มีเวลาสนุกกับคำว่าอิสระเสรีแต่พอตัวบ้างก็ดีละ..


นอกจากนั้นเวลาปล่อยสองแสบมาเดินเล่น ก็ต้องพาออกมาทีละตัวฮ่ะ แล้วไอ้เจ้าสองตัวนี่ก็รู้มาก พออิ่เจ๊เอาเชือกจูงออกมาปั๊บ ก็มานอนแผละ รอกันเลย คงรู้อ่ะเนาะ ว่าจะได้ออกไปวิ่งเล่น เดินเล่น ซึ่งแน่นอนว่าอิ่เจ๊มักจะพากะทิออกมาก่อนเป็นตัวแรก เพราะไอ้กิมันไม่ค่อยเรื่องมาก (แต่กะทิไม่ได้เลยฮ่ะ ถ้าน้องได้ออกมาก่อน มันจะร้องเมี๊ยวม๊าว ประท้วงกันจนบ้านแทบแตก) แต่ไอ้ที่ฮาก็คือ...เวลาเดินอย่าให้ตัวนึงเห็นอีกตัวนะคะ ไม่งั้นจะเป็นแบบนี้


แบบนี้...


แบบนี้...


และแบบนี้...


คือเจ๊ก็ไม่เข้าใจว่าเอร็งจะรักอะไรกันนักหน๊าาาา...555+ ในภาพนั้นก็คือยัยกะทิพยายามจะโดดกลับเข้าไปพาน้องออกมาเดินเล่นอ่ะนะคะ ซึ่งบอกเลยว่ามันเป็นไปได้ยากที่จะพาสองแสบออกมาเดินพร้อมๆ กัน นอกเสียจากมีใครอีกคนที่ไว้ใจได้มากพอที่จะรู้เทคนิกการจูงเด็กแสบพวกนี้


แต่ก็เอาเหอะ..เอร็งรักกัน เจ๊เข้าจาย....... ♥♥

ในตอนหน้าของไดอารี่ยัยกะทิ เราจะแบกชั้นวางแมวมาซ่อมที่ลับเล็บสองแสบกันนะคะ แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ